ก่อนการแข่งขันศึกสนุกเกอร์รายการใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์ทัวร์นาเมนต์อย่างศึกมาสเตอร์ส 2025 จะอุบัติขึ้น ทางเวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์ (WST) ได้เพิ่มเงินรางวัลสำหรับผู้คว้าแชมป์รายการนี้ขึ้นอีก 100,000 ปอนด์ จากเดิมที่แชมป์ได้รับ 250,000 ปอนด์(ราวๆ 10.5 ล้านบาท) เงินรางวัลจะถูกเพิ่มขึ้นไปอีกเป็น 350,000 ปอนด์(ประมาณ 14.7 ล้านบาท)
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้จอมคิวมือท็อป 16 คนโลก ที่ได้สิทธิ์ลงดวลคิวในรายการนี้ ต่างมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง ที่จะทะยานไปเป็นแชมป์ให้ได้ แม้ว่ามหาเทพแห่งวงการอย่าง "เดอะร็อกเก็ต" รอนนี่ โอซัลลิแวน มือ 3 ของโลกจากอังกฤษ ผู้เป็นแชมป์เก่า จะขอถอนตัวก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มเพียง 2 วันก็ตาม โดยให้เหตุผลทางการแพทย์ ก่อนที่ นีล โรเบิร์ตสัน มือ 20 ของโลกจากออสเตรเลีย จะได้สิทธิ์ลงแข่งขันแทน
กระทั่งเมื่อช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 ศึกมาสเตอร์ส 2025 ได้รูดม่านปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อย ณ สังเวียนอเล็กซานดราพาเลซ กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ท่ามกลางบรรยายกาศการฉลองแชมป์สุดยิ่งใหญ่ของ "พ่อมดน้อย" ฌอน เมอร์ฟี่ นักสอยคิวมือ 7 ของโลกจากอังกฤษ หลังรอบชิงชนะเลิศ จัดการพลิกโค่นแชมป์โลกคนล่าสุดอย่าง "นักรบ" ไคเรน วิลสัน มือ 2 ของโลกจากชาติเดียวกันไปอย่างหักปากกาเซียน 10-7 เฟรม
แม้ตลอดเส้นทางก่อนถึงรอบชิงชนะเลิศ ฌอน จะทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบรองชนะเลิศ ที่สยบ "พิสตอล" มาร์ค อัลเลน มือ 4 ของโลกจากไอร์แลนด์เหนือ 6-3 เฟรม ซึ่งในเฟรมที่ 6 ของแมตช์ดังกล่าว อดีตแชมป์โลกปี 2005 ยังสามารถแทงแม็กซิมั่มเบรก ด้วยการตบไม้เดียว 147 แต้มได้อีกด้วย
ทว่าเมื่อเทียบกับ ไคเรน วิลสัน แล้ว บรรดาเกจิวงการแม่นรูทั้งหลาย ต่างยกให้แชมป์โลกคนล่าสุด เป็นต่อหลายขุม เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มที่พีค
ไล่ตั้งแต่การเปิดซิงคว้าแชมป์โลกหนแรกเมื่อ 8 เดือนก่อน ตามด้วยการคว้าแชมป์ 2 ทัวร์นาเมนต์ในฤดูกาลปัจจุบัน (2024-2025) ประกอบด้วยซีอาน กรังด์ปรีซ์ 2024 ที่ประเทศจีน และนอร์เทิร์น ไอร์แลนด์ โอเพ่น 2024 ที่ประเทศไอร์แลนด์เหนือ(ชนะ จัดด์ ทรัมป์ ในรอบชิงทั้ง 2 รายการ)
อีกทั้งในรอบรองชนะเลิศของศึกมาสเตอร์สหนนี้ ไคเรน ยังจัดการปราบ จัดด์ ทรัมป์ มือ 1 ของโลกจากอังกฤษ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นนักสอยคิวที่ดีที่สุดแห่งยุคอีกต่างหาก ด้วยการเอาชนะไป 6-3 เฟรม
อย่างไรก็ตาม พอการแบทเทิลเพลงคิวรอบชิงชนะเลิศได้เริ่มต้นขึ้น กลับเป็น ฌอน เมอร์ฟี่ ที่ห่างหายจากการคว้าแชมป์ไปนานราวๆปีครึ่ง นับตั้งแต่ศึกแชมปี้ยนชิพลีก 2023 เป็นฝ่ายออกคิวได้อย่างไหลลื่นกว่า จนนำในเซสชั่นแรกห่างถึง 6-2 เฟรม
เซสชั่นที่ 2 ไคเรน ทำท่าว่าจะกลับมาได้ หลังไล่จี้มาเหลือ 8-7 เฟรม แต่หลังจากนั้น เมอร์ฟี่ มาคว้าชัยอีก 2 เฟรม พร้อมกับเอาชนะไปในที่สุด 10-7 เฟรม ผงาดคว้าถ้วยพอลฮันเตอร์โทรฟี่เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 2015 ได้สำเร็จ
แน่นอนว่า การคว้าแชมป์มาสเตอร์สคราวนี้ ทำให้เขาเป็นเจ้าของเงินก้อนโตมูลค่า 350,000 ปอนด์(ราวๆ 14.7 ล้านบาท) แถมยังได้สิทธิ์ดวลคิวในรายการแชมเปี้ยนออฟแชมเปี้ยนส์ 2025 หรือศึกแชมป์เหนือแชมป์ในฤดูกาลหน้าอีกด้วย
นอกจากนี้ จากการทำแม็กซิมั่มเบรกในรอบรองชนะเลิศ ยังส่งผลให้จอมคิวร่างอวบ รับโบนัสสำหรับการแทงเบรกสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์ไปอีก 15,000 ปอนด์ หรือประมาณ 6.3 แสนบาท
ด้าน ไคเรน วิลสัน แม้จะสมหวังกับคว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จเดือนพฤษภาคมปีก่อน แต่กับศึกมาสเตอร์ส ซึ่งเป็น 1 ใน 3 รายการใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์ร่วมกับชิงแชมป์โลกและยูเคแชมเปี้ยนชิพ เขายังคงต้องรอคอยความสำเร็จในรายการนี้ต่อไป
และนับเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากปี 2018 ที่เขาต้องผิดหวังในรอบชิงชนะเลิศของมาสเตอร์ส โดยในครั้งนั้น ไคเรน พ่ายต่อ มาร์ค อัลเลน ไป 7-10 เฟรม ซึ่งเป็นสกอร์เดียวกับที่เขาเพิ่งแพ้ให้กับ ฌอน เมอร์ฟี่ ในครั้งนี้เลย
จากการรับบทพระรองในมาสเตอร์สคราวนี้ ทำให้ ไคเรน วิลสัน รับเงินรางวัลปลอบใจไป 140,000 ปอนด์หรือราวๆ 5.8 ล้านบาท