"หมู" ประเดิมชน "เอฟ" บริติชโอเพ่น ศึกสอยคิวแหวกแนวที่ไม่มีใครเหมือน

ทัวร์นาเมนต์นี้ได้เพิ่มเงินรางวัลรวมขึ้นจากปีก่อน จากเดิม 478,000 ปอนด์(กว่า 21 ล้านบาท) เพิ่มไปเป็น 502,000 ปอนด์(ราวๆ 22 ล้านบาท) ทว่าผู้ที่คว้าแชมป์ จะยังคงรับเงินรางวัล 100,000 ปอนด์(ประมาณ 4.3 ล้านบาท)เหมือนเดิม

หากแฟนสนุกเกอร์จำกันได้ ศึกบริติชโอเพ่น ถือเป็นอีกรายการเก่าแก่ ที่มีการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 1980 จนกระทั่งเมื่อถึงปี 2004 ทัวร์นาเมนต์นี้ได้หายไปจากสารบบคิวโลก

ก่อนที่ปี 2021 เวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์ (WST) จะนำรายการนี้มาปัดฝุ่นจัดการแข่งขันอีกครั้งในรอบ 17 ปี พร้อมกับคิดค้นระบบการแข่งขันให้บริติชโอเพ่น แตกต่างจากรายการอื่น อันเป็นการเพิ่มมนต์เสน่ห์ ให้เกมการประชันเพลงคิว ตื่นเต้นและน่าดูยิ่งกว่าเดิม

ระบบการแข่งขันที่ว่าก็คือ ศึกบริติชโอเพ่น จะจับสลากประกบคู่ทุกรอบ ไม่ได้ระบุแบบก้างปลาเหมือนดั่งรายการอื่น พอจบการแข่งขันแต่ละรอบ จะจับสลากประกบคู่ในรอบถัดไปทันที

อีกทั้ง อันดับโลกจะไม่มีผลต่อการเป็นมือวางเฉกเช่นรายการอื่น มือพระกาฬที่อยู่ในท็อป 16 ของโลก มีสิทธิ์เจอกันตั้งแต่รอบแรกๆ เหมือนดั่งปี 2021 ที่ มาร์ค เซลบี้ กับ ฌอน เมอร์ฟี่ เคยซัดกันตั้งแต่รอบแรกมาแล้ว

สรุปง่ายๆก็คือ สนุกเกอร์บริติชโอเพ่น จะมีระบบการแข่งขันคล้ายๆกับฟุตบอลเอฟเอคัพอังกฤษ ที่ทีมยักษ์ใหญ่ มีโอกาสปะฉะดะกันตั้งแต่รอบแรกๆ หากผลการจับสลาก ลิขิตให้ต้องมาเจอกัน

มองในแง่ดี มันเป็นเสน่ห์อีกแบบ นักสอยคิวโนเนม มีโอกาสเข้ารอบลึกๆหากผลการจับสลากแต่ละรอบเป็นใจ ทว่าระบบการแข่งขันแบบนี้ ก็เคยถูกวิจารณ์จากบรรดานักแม่นรูระดับท็อปเพลย์เยอร์มาแล้วว่า มันไม่แฟร์กับนักสอยคิวที่มีอันดับโลกดี พูดภาษาบ้านๆก็คือ "แล้วจะแข่งกันทำอันดับโลกให้ดีไปเพื่ออะไร"

ทั้งนี้ องค์กรคิวโลก ต้องการให้นักสนุกเกอร์มือโนเนม ที่มีอันดับโลกไม่โสภาสถาพรเท่าไหร่นัก ได้ลืมตาอ้าปาก เข้ารอบลึกๆ ตลอดจนมีโอกาสคว้าแชมป์บ้าง จึงเนรมิตระบบการแข่งขันแบบนี้ขึ้นมา

ไม่น่าเชื่อว่า นับตั้งแต่ศึกบริติชโอเพ่นถูกเวิลด์สนุกเกอร์ทัวร์รื้อนำมาปัดฝุ่นจัดการแข่งขันใหม่เมื่อปี 2021 ภายใต้ระบบการแข่งขันที่ใม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ปรากฏว่าคนที่คว้าแชมป์ ต่างเป็นนักสอยคิวจากเวลส์ทั้ง 3 หน

ไล่ตั้งแต่ปี 2021 มาร์ค เจ วิลเลียมส์ คว้าแชมป์มาครอง, ปี 2022 แชมป์ได้แก่ ไรอัน เดย์ และล่าสุดปี 2023 มาร์ค เจ วิลเลียมส์ กลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งกล่าวได้ว่า "จรวดทางเรียบ" มาร์ค เจ วิลเลียมส์ เหมือนจะชอบดวลคิวกับระบบแบบนี้

สำหรับศึกสอยคิวบริติชโอเพ่น 2024 ได้ทำการแข่งขันในรอบคัดเลือก(รอบ 128 คน)มาแล้ว ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ณ เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เพื่อหาผู้ชนะมาแข่งขันในรอบเมนดรอว์(รอบ 64 คนเป็นต้นไป)

ปรากฏว่ามีนักสอยคิวไทย คว้าชัยในรอบคัดเลือก 3 คน ได้แก่ "หมู ปากน้ำ" นพพล แสงคำ มือ 27 ของโลก, "เอฟวัน" เทพไชยา อุ่นหนู มือ 39 ของโลก และ "ซันนี่ อาร์แบค" อรรคนิธิ์ ส่งเสริมสวัสดิ์ มือ 92 ของโลก และผลการจับสลากในรอบ 64 คนปรากฎว่า สองจอมคิวไทยทั้ง "หมู" กับ "เอฟ" ต้องโคจรมาฉะกันเองตั้งแต่รอบนี้ โดยจะแข่งขันในวันอังคารที่ 24 กันยายน 67 เวลา 20.00 น.ตามเวลาประเทศไทย

ด้าน "ซันนี่" จะพบกับ อันโทนี่ โควัลสกี้ มือ 100 ของโลกจากโปแลนด์ ในวันพุธที่ 25 กันยายน 67 เวลา 19.00 น.ตามเวลาประเทศไทย

ขณะที่ "ควิด คิวเฮ้าส์" มนัสวินษ์ เพชรมาลัยกุล มือ 115 ของโลกชาวไทย จะต้องลงแข่งขันในรอบคัดเลือก(รอบ 128 คน) พบกับของแข็งอย่าง "เดอะร็อกเก็ต" รอนนี่ โอซัลลิแวน มือ 4 ของโลกจากอังกฤษ ในคืนวันจันทร์ที่ 23 กันยายน 67 เวลาตี 1

หลายคนสงสัย ว่าทำไม "ควิด" ถึงไม่ลงแข่งรอบคัดเลือกตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเหมือนคนอื่น คำตอบก็คือ ฝ่ายจัดต้องการนำแมตช์รอบคัดเลือกของ รอนนี่ ผู้เปรียบเสมือนซุปตาร์ตัวพ่อแห่งวงการ มาบรรเลงเพลงคิวร่วมกับรอบเมนดรอว์นั่นเอง แน่นอนว่าจะทำให้แฟนสนุกเกอร์ชาวไทย ได้เชียร์ "ควิด" ดวลกับ "เดอะร็อกเก็ต" บนโต๊ะถ่ายทอดสดแน่นอน