หลังจากการแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลกได้พักเบรกฤดูกาลราวๆ 2 เดือน หรือตั้งแต่จบการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2023 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นมา
ล่าสุด ฤดูกาลใหม่อย่างซีซั่น 2023-2024 ได้ฤกษ์เปิดฉากแล้ว กับศึกแชมเปี้ยนชิพลีก 2023 ระหว่างวันที่ 26 มิถุนายนถึง 21 กรกฎาคม ณ มอร์นิ่งไซด์อารีน่า เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
รายการนี้ เสมือนเป็นทัวร์นาเมนต์เรียกน้ำย่อย ที่ให้นักสอยคิวในทัวร์ร้อยกว่าชีวิต ได้มาออกคิวกึ่งๆซ้อมไปในตัว ดังนั้นเงินรางวัลจะไม่เยอะเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับรายการอื่น โดยมีเงินรางวัลชิงชัยรวมทั้งสิ้น 328,000 ปอนด์(ประมาณ 15 ล้านบาท) โดยแชมป์จะได้รับ 33,000 ปอนด์(ราวๆ 1.5 ล้านบาท)
ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มีนักสอยคิวหลายคน ตัดสินใจหันหลัง ไม่ลงแข่งขันในรายการนี้ ซึ่งมีกลุ่มมือพระกาฬที่อยู่ในอันดับท็อป 16 ของโลกถึง 6 คนเลยทีเดียว อันได้แก่ แชมป์โลกคนล่าสุดและแชมป์เก่ารายการนี้อย่าง ลูก้า เบรเซล มือ 2 ของโลกจากเบลเยียม, มาร์ค อัลเลน 3 ของโลกจากไอร์แลนด์เหนือ, มาร์ค เซลบี้ มือ 5 ของโลกจากอังกฤษ, จอห์น ฮิกกินส์ มือ 9 ของโลกจากสกอตแลนด์, แจ๊ค ลิซอฟสกี้ มือ 13 ของโลกจากอังกฤษ และ ติง จุ้น ฮุย มือ 16 ของโลกจากจีน
อย่างไรก็ตาม จอมคิวซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้นๆแห่งวงการอีกจำนวนไม่น้อย ต่างพกคิวคู่ใจลงชิงชัยในรายการนี้เช่นกัน ประกอบด้วย “เดอะร็อกเก็ต” รอนนี่ โอซัลลิแวน มือ 1 ของโลกจากอังกฤษ, “เพชฌฆาตปืนกล” จัดด์ ทรัมป์ มือ 4 ของโลกจากอังกฤษ, “จิงโจ้มหาประลัย” นีล โรเบิร์ตสัน มือ 6 ของโลกจากออสเตรเลีย และคนอื่นๆอีกมากมาย
ส่วนนักสอยคิวไทย ลงทะเบียนลงแข่งขันศึกแชมเปี้ยนชิพลีก 2023 จำนวน 3 คนด้วยกัน ได้แก่ “หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ มือ 27 ของโลก, “เอฟวัน” เทพไชยา อุ่นหนู มือ 38 ของโลก และ “มิ้งค์ สระบุรี” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย
สำหรับระบบการแข่งขันรายการนี้ จะแบ่ง 128 นักสอยคิว ออกเป็น 32 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วให้แต่ละคนแข่งแบบพบกันหมดภายในกลุ่ม เพื่อหาคนที่ทำผลงานดีที่สุดของแต่ละกลุ่มผ่านเข้ารอบ 2 ต่อไป
จากนั้นในรอบที่ 2 ก็จะนำแชมป์กลุ่มแต่ละกลุ่มในรอบแรกจำนวน 32 คน มาแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วแข่งกันแบบพบกันหมดภายในกลุ่ม เลือกเฉพาะคนที่ทำผลงานดีที่สุดของแต่ละกลุ่มเช่นกัน ผ่านเข้ารอบ 3 ต่อไป
และในรอบที่ 3 นำแชมป์กลุ่มจากรอบ 2 จำนวน 8 คนมาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คนและหาคนที่ทำผลงานดีที่สุดของทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าว มาดวลกันในรอบชิงชนะเลิศ
การแข่งขันรอบแรกถึงรอบที่ 3 จะแข่งในระบบ 4 เฟรม(ยกเว้นในกรณีที่มีการชนะ/แพ้ในสกอร์ 3-0 จะไม่มีการแข่งขันในเฟรมที่ 4) ชนะแต่ละแมตช์จะได้ 3 คะแนน, แพ้ไม่มีคะแนน, เสมอแบ่งกันไปคนละ 1 คะแนน ส่วนรอบชิงชนะเลิศจะแข่งในระบบ 3 ใน 5 เฟรม
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันของ 3 นักสนุกเกอร์ไทยในรอบแรกมีดังนี้ เริ่มจาก “หมู ปากน้ำ” นพพล แสงคำ ถูกจับสลากให้อยู่ในกลุ่ม 19 ซึ่งจะลงชิงชัยในวันที่ 10 กรกฎาคม แมตช์แรกจะพบกับ มาร์ค เดวิส มือ 65 ของโลกจากอังกฤษ, แมตช์ 2 พบ เจนสัน เคนดริก มือ 85 ของโลกจากอังกฤษ และแมตช์ที่ 3 ดวลกับ รอซซ์ เมียร์ มือ 99 ของโลกจากสกอตแลนด์
ด้าน “เอฟวัน” เทพไชยา อุ่นหนู อยู่ในกลุ่ม 29 จะลงแข่งขันในวันที่ 29 มิถุนายน แมตช์แรกพบ เอลเลียต สเลสเซอร์ มือ 47 ของโลกจากอังกฤษ, แมตช์ 2 ปะทะกับ วิคตอร์ ซาร์คิส มือ 97 ของโลกจากบราซิล และแมตช์ที่ 3 เจอกับ ฟลอเรียน นุซเซอร์ มือสมัครเล่นจากออสเตรีย ดีกรีแชมป์เยาวชนโลก 2021(รอบชิงเอาชนะ “โตโต้ศิษย์ตุ้ม” ทวีทรัพย์ คงกิจเชิดชู 6-5 เฟรม)
ขณะที่ “มิ้งค์ สระบุรี” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย ถูกจับให้อยู่ในกลุ่ม 9 ซึ่งจะแข่งขันในวันที่ 14 กรกฎาคม โดยแมตช์แรกพบ หม่า ไห หลง ดาวรุ่งวัย 19 ปีจากจีน ที่เพิ่งเทิร์นโปรจากการคว้าแชมป์ WSF CHAMPIONSHIP 2023, แมตช์ที่ 2 เจอศึกหนักอย่าง แกรี่ วิลสัน มือ 14 ของโลกจากอังกฤษ และแมตชที่ 3 ดวลกับ จอห์น แอสต์ลีย์ มือ 70 ของโลกจากอังกฤษ