การกีฬาแห่งประเทศไทย ออกโรงชี้แจงประเด็นข่าวการไม่ต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพศึกโมโตจีพี ย้ำไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญา
หลังจากที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ได้โพสต์ผ่านทางเฟสบุ๊กเพจ "ลุงเนวิน" โดยมีใจความว่า "การแข่งขัน MotoGP 2025 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ได้รับความสนใจจากแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก โดยมีผู้เข้าชมมากถึง 224,634 คน ตลอด 3 วัน (28 ก.พ. - 2 มี.ค.) สร้างสถิติใหม่และกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยม รวมถึงเม็ดเงินหมุนเวียน มากกว่า 5,043 ล้านบาท ที่กระจายไปทั่วจังหวัดบุรีรัมย์และพื้นที่ใกล้เคียง"
"ผม เพิ่งได้รับทราบอย่างเป็นทางการจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นข่าวเดียวกันกับที่แฟนmoto GP ได้ยินมาก่อนหน้านี้ คือ รัฐบาล จะลงทุนจัดการแข่งขัน moto GP ปี 2026 เป็นปีสุดท้าย และจะไม่ต่อสัญญาจัดการแข่งขัน moto GP อีกแล้ว ซึ่งต้องยอมรับการพิจารณาตัดสินใจของรัฐบาล แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายอย่างมาก เพราะการจัดการแข่งขัน moto GP รัฐบาลลงทุน ปีละ ไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีภาคเอกชน เข้ามาร่วมสนับสนุนอีกไม่น้อยกว่าปีละ 300 ล้านบาท แต่สร้างเงินทุนหมุนเวียนส่งเสริมธุรกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจ มากกว่า 5,000 ล้านบาท"
"แต่เมื่อรัฐบาล ตัดสินใจแล้ว สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในฐานะผู้สนับสนุนรายหนึ่ง ก็ต้องยอมรับ และขอแจ้งให้แฟน moto GP ชาวไทย ได้ทราบว่า ปีหน้า จะเป็นปีสุดท้ายของ Thai GP หากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ รัฐบาล ไม่ทบทวนการตัดสินใจ และยังคงยืนยันที่จะไม่ต่อสัญญาจัดการแข่งขัน moto GP ในประเทศไทย"
ล่าสุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยถึงประเด็นข่าวที่ออกมาว่า กกท. จะไม่ต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพโมโตจีพี ที่สัญญาเดิมจะหมดในปี 2026 ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในงานโมโตจีพีวันสุดท้ายของการแข่งขัน นั้น ได้ตอบสื่อมวลชนไปว่า ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุย ซึ่งทางดอร์น่าเองชื่นชมประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพว่าทำได้อย่างดีมาก ๆ เป็นหนึ่งในสนามที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ส่วนทางรัฐบาลอยากให้มีการแข่งขันรายการใหญ่ ๆ ที่ส่งเสริมด้านกีฬาแล้วยังเสริมด้านการท่องเที่ยวได้ด้วย ทาง กกท. จะนำสถิติตัวเลขต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้นำเสนอกับทางรัฐบาลที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ ต่อไป ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญาโมโตจีพี แต่อย่างใด
ผู้ว่า กกท. ได้ออกมาเปิดเผยเพิ่มเติมว่า Wการแข่งขันรถจักรยายนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ในปีนี้ เป็นปีที่ทุบสถิติในแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นประวัติการณ์เกินกว่า 5,000 ล้าน จำนวนผู้ชมที่สูงขึ้นเกือบ 7% การสร้างงานที่สูงขึ้น 12% และโดยเฉพาะการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 52,000 กว่าคน ที่สูงขึ้นประมาณ 38% สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มจัดงานมา"
"จากการประเมินผลการจัดงานภาพรวมในเบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจ, การจ้างงานและจำนวนผู้ชมที่สูงขึ้น รวมทั้งการชื่นชมการจัดการแข่งขันจากดอร์น่าเองก็ตาม แน่นอนว่าการแข่งขันการเป็นเจ้าภาพสูงขึ้น หลายประเทศก็จ่อคิวรออยู่ ถ้าไทยไม่ตัดสินใจ ก็มีหลายประเทศรออยู่ ซึ่งทุกอย่างต้องชัดเจนก่อน 1 ปี เพราะดอร์น่าจะต้องจัดการเรื่องสนามให้ลงตัว ถ้าไทยไม่เป็นเจ้าภาพต่อดอร์น่าก็จะต้องไปคุยกับประเทศอื่น ๆ แทน ซึ่งในเชิงปฏิบัติ กกท. เราพร้อมอยู่แล้ว ทั้งจากคำชมและมูลค่าทางเศรษฐกิจต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องนำเสนอให้ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจพิจารณาอีกที"
"ในการเจรจาเราได้มีการพูดคุยกับดอร์น่าว่าเราก็มีสนใจรายการอื่น ๆ อย่างเช่นรถยนต์สูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ ฟอร์มูล่า วัน อยู่ ดังนั้นเราตอบไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ต้องมีการพูดคุยเชิงนโยบายอยู่ แต่สำหรับโมโตจีพีเราได้เห็นนักบิดไทยอย่าง "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา ลงแข่งขัน ซึ่งก็อาจจะมีคนที่ 2-3-4 ตามมาได้ถ้ายังได้เป็นเจ้าภาพต่อไป ถ้าจะจัดทั้งสองรายการ ในแง่งบประมาณต้องให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด รัฐบาลเองให้ความสำคัญประเด็นนี้ ไม่อยากให้รัฐเป็นผู้ลงทุนฝ่ายเดียว อยากให้เอกชนมีบทบาทมากขึ้น
โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ถ้าได้เอฟวันเท่ากับจะไม่ต่อสัญญาโมโตจีพีหรือไม่ และผู้ว่าการ กกท. ได้กล่าวว่า "อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะต้องเอาข้อมูลไปนำเสนอ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ เพราะตัวเลขมันดีขึ้น ดีกว่าก่อนยุคโควิดด้วย ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเชิงนโยบาย และขอย้ำอีกครั้งว่า ในการสัมภาษณ์เรื่องนี้ ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญาโมโตจีพี แต่อย่างใด"