พิชัย ชุณหวชิร ได้รับความไว้วางใจจากสโมสรสมาชิก 69 สโมสร นั่งนายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทยสมัยที่ 5 พร้อมตั้งเป้าพานักชกไทยคว้า 1-2 เหรียญในโอลิมปิก 2028 ใช้โค้ชต่างชาติร่วมวางรากฐานใหม่
พิชัย ชุณหวชิร ได้รับความไว้วางใจจากสโมสรสมาชิก 69 สโมสร ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทยต่ออีกสมัย ถือเป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกัน หลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ที่โรงแรมเอบีน่า เฮ้าส์ เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568 ซึ่งในครั้งนี้มีการลาออกเพื่อเปิดทางให้เลือกตั้งตามข้อบังคับสมาคมฯ
การเลือกตั้งมี พลอากาศเอก ระพีพัฒน์ หลาบเลิศบุญ เป็นประธาน โดยมีนายพิชัยเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียว และได้รับการชูมือสนับสนุนจากสโมสรสมาชิกอย่างเป็นเอกฉันท์ มีวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2571
หลังจบการประชุม นายพิชัยได้กล่าวขอบคุณสมาชิกทุกสโมสรที่ไว้วางใจ พร้อมยอมรับว่าวาระใหม่นี้เต็มไปด้วยภารกิจหนัก เนื่องจากนอกจากบทบาททางการเมืองแล้ว ยังต้องเร่งผลักดันให้นักชกไทยคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ หลังพลาดมาแล้ว 4 สมัยติดต่อกัน
"ไม่ใช่งานง่าย เอาแค่หานักมวยเข้าแคมป์ก็เป็นเรื่องยาก วงการมวยเปลี่ยนไปมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราต้องวางแผนระยะยาว และโอกาสของมวยหญิงก็ดูจะมีมากกว่ามวยชาย" พิชัยกล่าว พร้อมตั้งเป้าในโอลิมปิก 2028 ที่ลอสแองเจลิสว่า ทีมไทยต้องมีอย่างน้อย 1-2 เหรียญ
การแข่งขันมวยโอลิมปิก 2028 จะมีการปรับเปลี่ยนรุ่นน้ำหนักใหม่ แบ่งเป็น
มวยชาย 7 รุ่น: 55 กก., 60 กก., 65 กก., 70 กก., 80 กก., 90 กก. และมากกว่า 90 กก.
มวยหญิง 7 รุ่น: 51 กก., 54 กก., 57 กก., 60 กก., 65 กก., 70 กก. และมากกว่า 80 กก.
โดยจากน้ำหนักใหม่ โอกาสที่นักชกไทยจะคว้าโควตาไปโอลิมปิกยังคงอยู่ในรุ่นเล็กเหมือนเดิม
อีกหนึ่งประเด็นที่น่ากังวล คือปัจจุบันยังไม่มีผู้ตัดสินชาวไทยได้รับเลือกไปทำหน้าที่ในโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งผลักดันควบคู่กันไป
สำหรับเรื่องโค้ชต่างชาติ นายพิชัยยืนยันว่าจะเน้นเฟ้นหาผู้ที่มีประสบการณ์ในการปั้นนักกีฬาไปชกโอลิมปิก และคาดว่าโค้ชใหม่จะเดินทางมาถึงไทยในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อเริ่มวางรากฐานพัฒนานักชกไทยสู่เป้าหมายใหญ่