การกีฬาแห่งประเทศไทย ลงนามร่วมมือ กรมราชทัณฑ์ จัดกิจกรรมด้านมวยไทยในทัณฑสถานทั่วประเทศ เบื้องต้นคัดเลือก 13 ทัณฑสถาน นำร่องฝึกอบรมมวยไทยให้กับผู้ต้องขัง ซึ่งก็ถือเป็นการส่งเสริมสุขภาพให้ผู้ต้องขัง และต่อยอดไปสู่การเป็นนักมวยไทยอาชีพ หรือประกอบอาชีพเกี่ยวกับมวยไทยต่อไปได้เมื่อพ้นโทษ
ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา พร้อมด้วย นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือการสนับสนุน (MOU) ด้านกีฬาแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน "มวยไทยฟอร์ออล" ระหว่าง กกท. กับ กรมราชทัณฑ์ ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา กกท.หัวหมาก เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา
ผศ.พิมล กล่าวว่า มวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่ใช้ได้กับคนได้ในทุกแขนง สามารถนำไปเสริมทักษะในชีวิตประจำวัน เป็นการออกกำลังกาย และการสร้างอาชีพได้ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้เรียนรู้ฝึกฝนมวยไทยเพื่อสุขภาพ หรือสามารถเป็นตัวแทนในการแข่งขันของกรมราชทัณฑ์ หรือต่อยอดไปเป็นนักมวยไทยในระดับอื่นๆ ได้ แบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในมวยสากล ซึ่งจะเป็นอาชีพของผู้ที่พ้นโทษให้ออกมาสร้างรายได้ ไม่ว่าจะเป็นนักมวยไทยหรือเป็นโค้ช ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้จะมีระยะเวลา 3 ปีด้วยกัน เบื้องต้นได้คัดเลือก 13 ทัณฑสถานทั่วประเทศ ที่ทางกรมราชทัณฑ์ประเมินแล้วว่ามีความพร้อมและเหมาะสม เป็นการนำร่องโครงการนี้ก่อนในการฝึกอบรม หลังจากนั้นจะขยายไปยังเรือนจำอื่นๆต่อไป
นางจิรภา กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมให้ความสำคัญในการส่งเสริมทักษะ ประสบการณ์ด้านการกีฬาให้ผู้ต้องขังขณะที่ต้องโทษในเรือนจำอย่างเหมาะสม และสามารถนำความรู้มาต่อยอดในการประกอบอาชีพได้หลังพ้นโทษได้ เพื่อเป็นการคืนคนดีมีคุณภาพสู่สังคม การลงนามครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือเพื่อสนับสนุนด้านการฟื้นฟูและพัฒนาผู้ต้องขังทั้งด้านมวยไทยและกีฬาอื่นๆ
ดร.ก้องศักด เผยว่า ที่ผ่านมาได้มีการร่วมมือในลักษณะนี้มาแล้ว ก่อนจะยุติไปการกับมาร่วมมือครั้งนี้เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนด้านกิจกรรมให้แก่ผู้ต้องขัง ได้แก่ การจัดกิจกรรมด้านมวยไทย รวมถึงการใช้สถานที่ การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ตลอดจนบุคลากร ส่งเสริมและแนะนำ ผู้ต้องขังที่ประสบความสำเร็จในด้านกีฬาให้เป็นที่ยอมรับ และสมควรจะได้รับโอกาสในการพัฒนาศักยภาพ ทั้งด้านการศึกษาและกีฬาเพื่อสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับตนเอง ครอบครัว และคนไทย นอกจากนั้นจะมีการจัดอบรมตามหลักสูตรที่ กกท. กำหนดเกี่ยวกับหลักสูตรผู้ฝึกสอนกีฬา และหลักสูตรผู้ตัดสินกีฬามวยไทย ให้กับทั้งผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ในอนาคตก็จะเข้าไปสนับสนุนกีฬาอื่นๆต่อไป
ทั้งนี้ ในพิธีการลงนาม ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ซึ่งเป็นต้นแบบเรือนจำเฉพาะทางด้านกีฬาได้นำการแสดงคีตะมวยไทย ชุด "อิฐเก่าเล่าตำนาน" ซึ่งเป็นการแสดงโดยผู้ต้องขังที่ได้นำทักษะความรู้ด้านมวยไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬาของไทยมาแสดงอีกด้วย