โจ ณัฐวุฒิ นักมวยดังตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกับ พ่อเลี้ยงเจ วนาสุวรรณฟาร์ม ตอบคำถามถึงดราม่ากับบริษัท ยูพีอาร์ วิชั่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ของ อองตวน ปินโต้ โดยมีหลายประเด็นด้วยกันที่ถูกพูดถึง
โจ ณัฐวุฒิ นักชกชื่อดังวัย 35 ปี ตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกับ พ่อเลี้ยงเจ วนาสุวรรณฟาร์ม พูดถึงหลายประเด็นด้วยกัน โดยกำปั้นหนุ่มชาวนครราชสีมา ได้อธิบายเรื่องค่าตอบแทนคอลเลคชั่นเสื้อที่ทำด้วยกัน ซึ่งอีกฝ่ายแจ้งยอดขายจำนวนเสื้อไม่ตรงกันในแต่ละครั้ง ทำให้รู้สึกมีความไม่ชอบมาพากล
ขณะเดียวกันเรื่องงานน้องควาย ทางพ่อเลี้ยงเจยืนยันว่าสัญญาที่จะจ้าง โจ ณัฐวุฒิ มาถ่ายแบบนั้น ได้ยื่นไปให้กับบริษัท UPR เป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท แต่ทางบริษัทมาบอกว่าเจ้าของงานให้ค่าตัวมาแค่ 75,000 บาท เมื่อถูกหักออกไป 30 เปอร์เซนต์แล้ว ทำให้เงินถึงมือแค่ 50,000 บาท
และเมื่อวันพุธที่ 23 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางบริษัท UPR ได้มีการโอนเงินส่วนต่างทั้งค่าเสื้อที่ติดค้างอยู่ รวมไปถึงค่าจ้างส่วนที่เหลือจากการถ่ายแบบ ที่อีกฝ่ายอ้างว่าเงินส่วนนั้นแบ่งไปเป็นค่าดำเนินการกว่า 1 แสนบาท ซึ่ง โจ ณัฐวุฒิ ยิงคำถามไปว่า ถ้าเรื่องไม่แดงขึ้นมาอีกฝ่ายจะเคลียร์เงินให้ตนหรือไม่ และถ้าที่ผ่านมาอ้างว่าตัวเองไม่ได้โกงจริงๆ จะโอนเงินส่วนที่เหลือมาให้ตนทำไม
ยังมีอีกหนึ่งงานของ เอส.เค.การเกษตร ที่ว่าจ้างโจให้ทำ tiktok ให้เป็นเงินจำนวน 40,000 บาท แต่ทางบริษัท UPR แจ้งกับทีมงานของตนว่าค่าตัวที่ได้รับอยู่ที่ 13,000 บาท เท่านั้น ทางบริษัท UPR เพิ่งจะมีการเคลียร์ส่วนต่างที่เหลือมาให้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งตัวของ โจ เอง ก็สงสัยว่าถ้าเรื่องนี้ไม่แดงขึ้นมา เงินส่วนต่างจากทุกๆงานนั้นจะได้ครบจำนวนแบบนี้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาอีกฝ่ายเงียบตลอด
ด้าน พ่อเลี้ยงเจ เผยว่าเรื่องงานน้องควาย "โก้ เมืองเพชร" และการถ่ายแบบ ทางตนยืนยันว่าการทำสัญญานั้นก็เพราะอยากได้ตัว โจ ณัฐวุฒิ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งทางบริษัท UPR เรียกเงินไป 2 แสนบาท ตนก็ยินยอมจ่าย เพราะต้องการจะจ่ายให้โจ ไม่ได้จะจ่ายให้บริษัท UPR ซึ่งมีความน่าสงสัยว่าทางบริษัทอ้างว่าได้มีการตกลงค่าตัวกับ โจ แล้วนั้น ทาง UPR ได้บอกหรือไม่ว่าผู้ว่าจ้างให้เงินมา 2 แสนบาท หรือบอกกับ โจ เพียงอย่างเดียวว่าให้เงินมา 75,000 บาท ถูกหักภาษีอีกจนเหลือแค่ 5 หมื่นบาท
นอกจากนี้ UPR ยังอ้างอีกว่าเงินจำนวน 2 แสนนั้น ถูกหักเป็นค่าดำเนินการต่างๆ ซึ่งมีส่วนต่างถึง 125,000 บาท แต่ทางผู้ว่าจ้างก็ยังมีความสงสัยว่าค่าดำเนินการอะไรบ้างถึงได้แพงขนาดนั้น โดยการทำงานนั้นมีการเดินทางไปถ่ายทำ 2 สถานที่ ได้แก่ ค่ายมวยเจริญทอง กับ วนาสุวรรณฟาร์ม
อย่างไรก็ตาม พ่อเลี้ยงเจ เผยว่าในวันถ่ายทำ UPR แทบไม่ได้เตรียมการอะไรด้วยตัวเองเลยแม้แต่น้อยทั้งที่เอาส่วนแบ่งไปมากถึง 125,000 บาท มีเพียงแค่รถตู้เบนซ์ 1 คัน ที่พาตัว โจ ณัฐวุฒิ เดินทางมา และทีมงานสตาฟฟ์เพียงแค่ 2 คน แม้แต่เครื่องดื่ม อาหาร และสิ่งต่างๆ ทาง วนาสุวรรณฟาร์ม ก็จัดหาให้หมด จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าค่าดำเนินการกว่า 1 แสนบาทนั้นเยอะเกินไปหรือไม่
ที่สุดแล้ว โจ ณัฐวุฒิ ขอเป็นตัวแทนนักมวย ฝากบอกไปถึงทั้งเอเย่นต์, ตัวแทน หรือค่าย ช่วยให้ความกระจ่างต่อนักมวยในสังกัด เพราะความจริงคือนักมวยจะรู้ว่าได้เงินเท่าไหร่ก็ต่อเมื่อมีโอนเข้าบัญชี น้อยคนจะรู้ว่ายอดเงินจริงๆ ตัวเลขมากน้อยแค่ไหน เขาเลยอยากเอาเคสที่มีปัญหากับ UPR มาเป็นตัวอย่าง