"บิ๊กบอย" สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬา เผย พร้อมขับเคลื่อนกีฬามวยไทยทั้งในและต่างประเทศ และสนับสนุนเต็มที่ทั้งเรื่องอาชีพและเพื่อความเป็นเลิศ
นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงเรื่องกีฬามวยไทยในประเด็นที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ อย่างการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ขับเคลื่อนการสนับสนุนกีฬามวยไทย โดยเลือกจับมือกับองค์กรกีฬามวยไทย ที่ไม่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง พร้อมกับขับเคลื่อนกีฬามวยไทยทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้สังคมกีฬาเกิดความสับสนว่า เรื่องมวยไทยต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ถูกให้ความสำคัญมาก พอถูกให้ความสำคัญมากงบประมาณก็ยิ่งเยอะตามไปด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้
นายสรวงศ์ เผยว่า ส่วนตัวเห็นว่า บางสิ่งบางอย่างเราตัดได้ เราตัดได้เลย งบประมาณต่างๆ อย่างเช่น การไปโร้ดโชว์มวยไทย ตนมองว่า ไม่เกิดประโยชน์ เพราะถ้าพูดถึงไทยแลนด์คนก็รู้อยู่แล้วว่า มวยไทย แล้วกีฬามวยไทยที่จะไปโอลิมปิกเกมส์ เราลองสังเกตดูกีฬาที่มีชื่อประเทศอยู่ หรือว่าเป็นกีฬาประจำชาติ ไม่มีกีฬาไหนได้เข้าไปแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์สักชนิดเดียว อย่างเช่น เทควันโดก็ไม่ใช่ชื่อเกาหลีใต้ คาราเต้ ก็ไม่มีชื่ออะไรที่เป็นญี่ปุ่นออกมา แต่ชื่อของกีฬามวยไทย มันชัดเจนมากว่าเป็นศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทย
นายสรวงศ์ กล่าวต่อไปว่า ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตนมองแบบนี้ว่า มวยไทยเป็นทั้งกีฬา และเป็นทั้งศิลปะ ถึงบอกว่าเรามาดูกันใหม่ดีกว่า เพราะปัจจุบันองค์กรกีฬามวยไทยในประเทศไทยทับซ้อนกันเยอะมาก พอตนเข้ามาทำหน้าที่ได้เข้าไปดูเรื่องของอนุกรรมการเกี่ยวกับเรื่องของกีฬามวยไทย ตนรู้สึกตกใจเลยมีทั้งสิ้น 14 อนุกรรมการ ถามว่าคุณทำงานกันยังไงมีทั้งหมด 14 อนุกรรมการ ซึ่งไม่สมดุล ฉะนั้นตนได้ยุบเหลือ 4 หรือ 5 อนุกรรมการพอ ทุกอย่างต้องสมเหตุสมผล ไม่ว่าในเรื่องของตัวสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งถูกต้อง ไม่ว่าจะ IFMA ต้องเข้ามาร่วมมือกัน เรียนตรงๆว่า จากการมีหลายองค์กรเกี่ยวกับมวยไทย ตนก็สับสนว่า อันไหนรับผิดชอบเรื่องไหนกันแน่ ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าปรับโครงสร้างเรื่องของคนที่มาดูแลแล้วมันสมดุลจริงๆ ตนมองว่า เป็นเรื่องที่ไปด้วยกันได้
"การที่จะส่งเสริมมวยไทยให้ไปเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ผมมองว่างบประมาณซอฟต์พาวเวอร์มวยไทยไปส่งเสริมนักกีฬาให้มีประสิทธิภาพดีกว่าเยอะ แล้วถูกกว่าเยอะด้วย แล้วให้ตัวนักกีฬานี่แหละเป็นซอฟต์พาวเวอร์ในการที่จะออกไปแข่งขัน ออกไปโชว์ เพราะผมมองว่า ทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องของแค่ว่า คุณจะเรียนมวยไทยเพื่อจะไปขึ้นเวที ไปต่อยอย่างเดียว เรียนเพื่อไปออกกำลังกายก็ได้ เรียนเพื่อไปเป็นครูฝึกก็ได้ แม้กระทั่งกรรมการ ทุกวันนี้ที่มวยสากลถูกถอดออกจากโอลิมปิก ก็เพราะมีปัญหาเรื่องของการตัดสิน ซึ่งมันไม่มีอะไรที่เป็นบรรทัดฐาน ในเรื่องมวยต้องยอมรับว่าเป็นเอกลักษณ์ของไทย ผมจะพยายามทำให้มันสะอาดที่สุด และถูกต้องที่สุด ให้มวยไทย นักมวย ค่ายมวยไทย มีที่ยืน และสามารถสร้างอาชีพได้ จะเห็นว่า นักมวยเก่าๆ พอต่อยไม่ได้ก็จะไปเปิดค่ายมวยและก็ล้มเหลวเพราะบริหารไม่เป็น ไม่ใช่ว่าสอนมวยไม่เป็นนะ แต่บริหารไม่เป็น ขอยืนยันว่า เรื่องมวยไทยจะพยายามทำให้ดีที่สุด และถูกต้องตามหลักการที่สุด" รมต.กีฬา ทิ้งท้าย