ทุนเกียรติเยี่ยมค่ายมวยภูเก็ต ขับเคลื่อนซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย

เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย ,นายธรรมวรรธ วงศ์เจริญยศ นายกสมาคมกีฬาแห่งจ.ภูเก็ต ,นายไพฑูร ชุติมากรกุล ที่ปรึกษาฝ่ายกีฬานายกรัฐมนตรีฯ และในฐานะนายกสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ,สื่อมวลชนจำนวนมาก ได้ร่วมกันตรวจเยี่ยมค่ายมวยไทยตามโครงการมวยไทยซอฟต์เพาเวอร์ ของรัฐบาล เพื่อสร้างมูลค่าของมวยไทย ให้ชาวต่างชาติได้มาเรียนรู้ 

โดยได้เข้าเยี่ยมที่อยู่ซอยตาเอียด ต.ฉลอง ภูเก็ต ได้แก่ค่ายรัตชัยมวยไทย ,ไทเกอร์ มวยไทย และภูเก็ต ไฟท์ติ่ง คลับ จ.ภูเก็ต 

นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม เปิดเผยว่า เท่าที่เรามีโอกาสเข้าตรวจเยี่ยมค่ายมวยในครั้งนี้ 3 ค่าย ต้องยอมรับว่าได้มาตรฐานที่ดีมาก มีเนื้อที่แยกเป็นโซน มีความสะอาด ถูกสุขลักษณะ ที่สำคัญมีใบอนุญาติที่ถูกต้องทุกแบบ

การเข้าเยี่ยมค่ายมวยไทยในครั้งนี้ ก็เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ต้องการผลักดันมวยไทยซอฟต์เพาเวอร์ ของรัฐบาล สร้างรายได้เข้าประเทศ ส่งออกนักมวย และผู้ฝึกสอน ครูมวยไทยไปทั่วโลก ซึ่งขณะนี้ก็มีการทำกันเป็นจำนวนมาก นักมวยไทย ครูมวย มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่ต้องการของทั่วโลก ทั้งต้องการให้นักมวยไทยไปชก ต้องการครูมวยไทยไปฝึกสอน ทุกวันนี้ยิมมวยไทยในต่างประเทศ  ทั้งยุโรป อเมริกาใต้ มีค่ายมวยไทยเกิดขึ้นมากมาย แต่ละค่ายก็จะมีอดีตนักมวยไทยไปเป็นเทรนเนอร์แทบทุกค่าย

สำหรับประเทศไทยแล้ว อย่างที่ผมเองในฐานะอดีตรองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)ที่ดูแลมวยและกีฬาอาชีพ จนปัจจุบันมาเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย คลีกคลีมวยไทยมานาน เห็นการเจริญเติบโตของมวยไทย เป็นปัญหาอุปสรรคมากมาย ซึ่งเรื่องแบบนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน รวมทั้งสมาคมกีฬาจังหวัดภูเก็ต และอื่นๆด้วย ที่เร็วๆนี้เราก็มีออกตรวจเยี่ยมค่ายภาคต่างๆด้วย

เมื่อรัฐบาลไทยชุดนี้ให้ความสำคัยกับกีฬาทุกชนิด รวมทั้งมวยไทย ก็ต้องเป็นหน้าที่ของค่ายมวย ยิมมวยทั่วไป ที่จะต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เช่นใบอนุญาติต่างๆ ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ค่ายเถื่อน ยิมเถื่อนมีมากมาย โดยเฉพาะที่เป็นของชาวต่างชาติ ซึ่งหน่วยงานอย่าง กกท.ก็ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบมาตลอด

สำหรับตนเองในฐานะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย มีโครงการมากมาย ทั้งด้านเปิดอคาเดมี่ เพื่อรองรับนักชกเยาวชน, การจัดชกเฉพาะนักชกหน้าใหม่ได้มีโอกาสขึ้นเวที,การบรรจุมวยไทยเข้าในสถานศึกษา ,การเพิ่มโอกาสให้นักชกรุ่นเยาว์ได้มีโอกาสขึ้นเวที ที่สำคัญ สวัสดิการ และการดูแลค่ายมวยที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง ที่เราต้องให้ความเป็นธรรม ดูแลเขาเพราะเขาเสียภาษี อย่างให้ค่ายมวยเถื่อนมาเอาเปรียบเขา

นอกจากนักมวยแล้ว เรื่องของการเปิดไลน์เซนส์ อบรมโค้ช อบรมเทรนเนอร์ ก็อยู่ในโครงการของเรา ที่เราจะต้องทำควบคู่กันไป เพราะต้องยอมรับว่า ในปัจจุบัน บงุคลากรมวยด้านเทรนเนอร์ ,ครูมวย เรามีค่อนข้างน้อย เรื่องนี้จึงต้องมีการเปิดอบรมไลน์เซนส์ ไล่มาจาก รับดับC-B-A เลยประมาณนี้

ขณะที่ค่ายมวยนั้น ในอนาคตอาจเข้มงวดขึ้นในเรื่องการขึ้นทะเบียน หรือกมาราจดทะเบียน แล้วต้องทำให้ถูกต้อง  เช่นยิมออกกำลังกาย กับยิมสอนมวยไทยนั้น ก็คนละอย่างกัน แต่ปัจจุบันมีแฝงเยอะ

"สำหรับที่จังหวัดภูเก็ต ที่คณะเรามาตรวจเป็นที่แรกนี้ ในอนาคตอันใก้ลนี้ก็จะมีการจัดสัมนาคนมวยไทยขึ้นมา เพื่อรับฟังปัญหา อุปสรรคต่างๆ ที่ภาครัฐบาลพอจะช่วยเรื่องใดบ้าง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย ทำแน่นอน รวมไปถึงกีฬาชนิดต่างๆที่ภูเก็ตด้วย เพราะทราบว่าภูเก็ตก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่ถูกยกเป็น"Sport City" เป็นเจ้าภาพจัดกีฬาระดับโลกมาแล้วมากมาย ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ เราคงต้องขอความร่วมมือจากสมาคมกีฬาจังหวัดภูเก็ต,ชาวภูเก็ต และสื่อมวลชนทุกสาขา ที่ต้องร่วมมือกันโปรโมท ยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย" นายทนุเกียรติ กล่าวปิดท้าย

ด้านนายไพฑูร ชุติมากรกุล กล่าวว่า "ตนเองในฐานะที่ปรึกษาด้านกีฬา ของนายกรัฐมนตรี ก็ประทับใจกับมาตรฐานค่ายมวยในภูเก็ตมาก น้อยครั้งที่เราจะมีโอกาสมาตรวจแบบนี้ ซึ่งการมาตรวจเยี่ยมครั้งนี้ เราก็ได้รับฟังเรื่องราวต่างๆจากเจ้าของค่าย,เทรนเนอร์ รวมทั้งนักชกต่างชาติที่มาฝึกซ้อม  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ตนเองก็จะต้องกลับไปรายงาน นำเสนอให้นายกรัฐมนตรีทราบ สำหรับมวยไทย ที่ถูกซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย ตนเชื่อว่าจะได้รับความสนใจ จากชาวไทยและชาวต่างชาติมากมายเข้ามาเรียนรู้เพื่อการขึ้นชกแข่งขัน และเพื่อเรียนรู้เป็นศิลปะป้องกันตัว อย่างตัวอย่างเช่นการที่รัฐบาลจัด"ฟรี วีซ่า" 90 วันให้ชาวจีน ก็เห็นชัดเจนว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาจังหวัดภูเก็ต ทั้งท่องเที่ยว และเข้ามาเรียนรู้ สัมผัสกับศิลปะมวยไทยมากมาย ตนคิดว่าในอนาคตก็คงเปิด"ฟรี วีซ่า"ให้กับอีกหลายประเทศเพื่อสนองตอบ ซอฟต์เพาเวอร์มวยไทย" นายไพฑูร กล่าว