นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นกับการนำกีฬามวยไทยไปบุกตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน หลังจากล่าสุด การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.), กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), สถานกงสุลใหญ่ ณ นครกวางโจว, คณะกรรมการกีฬามวย, สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ, สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย และสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) ร่วมกันจัดกิจกรรม "มวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์" ในโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายนที่ผ่านมา ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน
"มวยไทย ซอฟท์เพาเวอร์" เป็นกิจกรรมเพื่อเป็นการส่งเสริมกีฬามวยไทย ซึ่งเป็นซอฟเพาเวอร์ ของประเทศไทยให้เผยแพร่ไปสู่ระดับนานาชาติ และกำหนดมาตรฐานมวยไทย One Standard Muaythai (OSM) แบ่งกิจกรรม เป็น 2 ส่วน 1.กิจกรรมเทนรนิ่ง ที่ sport Hall จัด 2 วัน และ 2.กิจกรรมการแสดงศิลปะมวยไทยและศิลปะวัฒนธรรม ที่ห้างสรรพสินค้า Wanda Mall เป็นการเผยแพร่มวยไทย การไหว้ครู มวยโบราณ แม่ไม้มวยไทย การแสดงศิลปะวัฒนธรรม 4 ภาค การสอนพื้นฐานมวยไทย เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการกีฬามวยไทย ให้ชาวต่างชาติภายในงานได้มีการรับรู้ กิจกรรมฝึกสอนมวยไทยขั้นพื้นฐาน ซึ่งถือเป็น One Standard มาตรฐานหนึ่งเดียวของมวยไทย ไปเผยแพร่องค์ความรู้สู่นานาชาติ บรรยากาศภายในงานมีชาวจีนทั่วไป รวมทั้งเยาวชนให้ความสนใจเรียนรู้หลักสูตร และศิลปะแม่ไม้มวยไทยกันอย่างเป็นจำนวนมาก โดยเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ชาวจีน และเยาวชนจาก South China Normal University ให้ความสนใจร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
โครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีน ยังเป็นการประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทย ส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม อันเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้นในประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการฑูตด้วยการเผยแพร่กีฬามวยไทย ศิลปะวัฒนธรรมไทย ขณะเดียวกัน ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยสู่ประเทศจีนอย่างครบวงจร และสามารถต่อยอดสินค้ามวยไทยได้อย่างแพร่หลาย ทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการด้านมวยไทยอย่างเป็นรูปธรรม เกิดความร่วมมือ และประสานงานกับองค์กรเครือข่ายกีฬามวยไทยทั้งในประเทศ และต่างประเทศอีกด้วย โดยกิจกรรมตลอด 3 วัน มีการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ซึ่งมีผู้ติดตามชมกว่า 7.5 ล้านคน รวมไปถึงมีรายการโทรทัศน์ ของมณฑลกวางตุ้ง มาถ่ายทำรายการเพื่อนำภาพศิลปะมวยไทยไปออกอากาศ
ดร.ปัญญา หาญลำยวง คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มวยไทยได้เผยแพร่ทั่วทุกมุมโลกโดยให้มีขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศไทย ที่สำคัญที่สุดการทำให้มวยไทยสร้างรายได้เข้าประเทศ เรื่องของแม่ไม้มวยไทย ศิลปะมวยไทย พร้อมทั้งนำเอาศิลปะของการแสดงของประเทศไทยแต่ละภาคมาโชว์ ขณะนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ให้ความสนใจกับกิจกรรมมวยไทย การแสดงพื้นบ้าน และสินค้าจากประเทศไทยอย่างมาก ต้องถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างสูงในการนำมวยไทยมาเผยแพร่ ที่นครกว่างโจว เชื่อว่าในอนาคตมวยไทยจะแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก ที่สำคัญคือเป็นเรื่องของซอฟท์เพาเวอร์จะสร้างรายได้เข้าประเทศไทยจำนวนมาก ขณะเดียวกันสถานกงศุล ณ นครกวางโจว ได้ร่วมบันทึกวิดีโอนำไปเผยแพร่ทั่วประเทศจีน และส่งต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อส่งต่อไปยังทุกๆ ชาติทั่วโลก ขอชื่นชมทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันผลักดันมวยไทยไปทั่วโลก และหวังว่าจะได้เห็นมวยไทยมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
นางจิราพร สุดานิช กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว เปิดเผยว่า สำหรับงานมวยไทยซอฟท์เพาเวอร์ที่มาจัดที่นครกว่างโจว ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ทั้ง 3 วัน มีผู้ชมชาวจีนมาเข้าชม ทั้งร่วมในการฝึกทักษะมวยไทยกับเรา รวมถึงมาชมการแสดง และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะมวยไทย กิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นและดึงดูดคนในเมืองกว่างโจว และเมืองใกล้เคียง มาร่วมชมและร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ทำให้มวยไทยกลับมามีพื้นที่ด้านกีฬาอีกครั้งในเมืองกว่างโจวหลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมวยไทยในนครกว่างโจวมีสถานที่ฝึกซ้อม มีโรงยิมเนเซียมมวยไทยมากมาย
สำหรับครั้งต่อไปประเทศไทย จะเดินทางไปจัดโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทย ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566