มวยไทยยกทีมโปรโมทที่กรุงอัสตาน่า คาซัคสถาน เชื่อมความสัมพันธ์ 2 ประเทศสู่เป้าหมายใหญ่บรรจุต่อยโอลิมปิกเกมส์ 2028 ด้าน กกท. มั่นใจภายใน 5 ปีจะนำมวยไทยสร้างรายได้เข้าประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย, สหพันธ์สมาคมกีฬามวยไทยนานาชาติ (IFMA), สมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย, สมาคมมวยไทยแห่งประเทศคาซัคสถาน และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานา จัดงานมวยไทยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับคาซัคสถานและวัฒนธรรมอาเซียน "มวยไทย แอนด์ อาเซียน คัลเจอร์ แฟร์" ที่คาห์น ชาตี้ร์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ เซ็นเตอร์ กรุงอัสตาน่า ประเทศคาซัคสถาน โดยมีนายธีรวัฒน์ ศิลปอาชา ผอ.กองส่งเสริมพัฒนากีฬามวย กกท. นำทีมร่วมงาน เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับงาน "มวยไทย แอนด์ อาเซียน คัลเจอร์ แฟร์" จัดขึ้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับ คาซัคสถาน และยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ประเทศไทย วัฒนธรรมไทย และส่งเสริมซอฟท์เพาเวอร์ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นโดยใช้เรื่องของกีฬา "มวยไทย" ซึ่งเป็นศิลปะประจำชาติไทยเป็นตัวกลางเพื่อผลักดันให้ "มวยไทย" เป็นซอฟท์เพาเวอร์เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจสูงสุด ตามนโยบายที่มุ่งส่งเสริมวัฒนธรรม 5F ให้กลายเป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมสำคัญของไทย ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และเทศกาลประเพณีไทย (Festival) ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสดงานดังกล่าวผ่านฟรีทีวีทั่วประเทศคาซัคสถาน รวมถึงกลุ่มประเทศใกล้เคียงให้รับรู้กิจกรรมการอย่างทั่วถึง
ภายในงานยังมีชาติในอาเซียนเข้าร่วมได้แก่ อินโดนีเซีย, เวียดนาม และมาเลเซีย ต่างนำวัฒนธรรมเรื่องของอาหารขึ้นชื่อของแต่ละประเทศร่วมกันเปิดบูธให้ผู้เข้าร่วมงานได้ลิ้มลองรสชาติอาหารของชาวอาเซียนที่มีความโดดเด่นทำให้บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากนี้ประเทศไทยยังได้นำผู้เชี่ยวชาญศิลปะแม่ไม้มวยไทยเปิดคลินิกสอนทักษะมวยไทยให้กับชาวคาซัคสถานและผู้สนใจที่เข้าร่วมงานซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ทั้งนี้เป้าหมายของโครงการ "มวยไทย แอนด์ อาเซียน คัลเจอร์ แฟร์" คือ การสร้างความร่วมมือ และประสานงานกับองค์กรเครือข่ายกีฬามวยไทยทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สร้างรายได้ให้กับนักกีฬามวยอาชีพ ค่ายมวยในประเทศได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น รวมถึงสร้างรายได้ให้กับสินค้า และบริการในอุตสาหกรรมมวยไทย สุดท้ายคือ มวยไทยอาชีพได้รับความนิยมในระดับสากลมีเอกภาพมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่เป้าหมายใหญ่ของทุกภาคส่วนของประเทศไทย ในการผลักดันกีฬามวยไทยให้ได้รับการบรรจุเข้าร่วมแข่งขันในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน ค.ศ.2028 ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
สำหรับผลการแข่งขันมวยไทยแบบยกทีมระหว่าง ไทย กับ คาซัคสถาน ท่ามกลางบรรยากาศสุดคักคักจำนวน 6 คู่ โดยปรากฏผลแข่งขันดังต่อไปนี้ รุ่น 54 กก.ชาย ศิลาทอง ศิษย์เอกอุบล แพ้คะแนน ชามิล เยอร์มาแกมเบตอฟ , รุ่น 60 กก. ชาย สยาม เพชรนภาชัย ชนะคะแนน เยอร์นัต สมากูลอฟ, รุ่น 63.5 กก. ชาย จอมพล ครูดามยิม แพ้น็อก อาบิล กาลิเยฟ, รุ่น 67 กก. ชาย ศรีหรัช สิงห์มนัสศักดิ์ยิม แพ้คะแนน วาดิม คาราเบย์นิคอฟ, รุ่น 71 กก. ชาย ศิลาทอง หนุ่มพรเทพ ชนะคะแนน รุสลาน ซายาคิน, รุ่น 81 กก. เบลล์บอย อีลิทไฟต์คลับ แพ้ TKO อเล็กซานเดอร์ ทัตซาลิคอฟ
นายธีรวัฒน์ ศิลปอาชา ผอ.กองส่งเสริมพัฒนากีฬามวย กกท. เปิดเผยว่า การจัดงาน "มวยไทย แอนด์ อาเซียน คัลเจอร์ แฟร์" ประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้รับความสนใจจากชาวคาซัคสถานเป็นอย่างมาก เราได้รับความร่วมมือในกลุ่มประเทศอาเซียน และออกบูธสินค้าผลิตภัณฑ์จากมวยไทย มีบูธอาหาร เสื้อผ้า โอท็อปของดีจากกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะจากประเทศไทยสร้างรายได้ในส่วนของ 5 F โดยมีกีฬามวยไทยเป็นตัวชูโรง โดยการที่เรามาเผยแพร่มวยไทยที่คาซัคสถานจะทำให้เม็ดเงินทางเศรษฐกิจสะท้อนกลับไปยังประเทศไทยซึ่งเราคิดว่าน่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5 ปีมวยไทยต้องสร้างรายได้ 1 แสนล้านบาทคิดว่าไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม
ด้าน ร.อ. ชัชวรรณ สาครสินธุ์ ร.น. เอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตาน่า เปิดเผยว่า ดีใจที่นำมวยไทยมาจัดที่คาซัคสถาน เป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยครั้งแรกจัดที่เมืองอัลมาตี้ เป็นการฉลองครบรอบ 30 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน สังเกตเห็นได้ชัดว่าผู้คนชาวคาซัคสถานมาร่วมชมมวยไทยอุ่นหนาฝาคั่งมาก เรานำมาครบทั้ง 5 F และได้รับการตอบรับดีมากในการมาครั้งนี้