ถือเป็นของขวัญในช่วงเปิดศักราชใหม่ ปี 2568 หรือ ค.ศ.2025 ของแฟนกีฬาชาวไทยอย่างแท้จริง สำหรับการคว้าแชมป์แบดมินตัน ปิโตรนาส มาเลเซีย โอเพ่น 2025 ของ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่หูดูโอ้ใหม่แห่งเอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่
ชัยชนะในรายการดังกล่าวที่มาเลเซีย ของ “บาส-เฟม“ นับเป็นการคว้าแชมป์เวิลด์ทัวร์ที่ 3 ร่วมกันของทั้งคู่ด้วย หลังก่อนหน้านี้คว้าแชมป์ร่วมกันมาแล้ว 2 รายการเมื่อปลายปีก่อน ก็คือ รายการ คุมาโมโตะ มาสเตอร์ส เจแปน 2024 ที่ญี่ปุ่น รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 และ ไซเอ็ด โมดี้ อินเดีย อินเตอร์เนชั่นแนล 2024 ที่อินเดีย ซึ่งเป็นรายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300
แชมป์ที่มาเลเซียยังเป็นการนับหนึ่ง เริ่มต้นปี 2025 ที่ดีของทั้งสองคน ก่อนลุยฤดูกาลใหม่กันอีกยาวๆ อีกทั้งยังนับเป็นแชมป์รายการใหญ่ที่สุดของทั้งคู่ ซึ่งนั่นก็จะทำให้อันดับโลกของทั้งสองคน ซึ่งเดิมที่อยู่อันดับ 57 ของโลก จะขยับขึ้นมารั้งที่ 33 ของโลกโดยประมาณ ซึ่งก็จะนับเป็นอันดับดีสุดของทั้งคู่ ในการประกาศอันดับโลก วันอังคาร ที่ 14 ม.ค.นี้
ที่น่าชื่นชมและต้องปรบมือให้กับทั้งคู่และทีมงานก็คือ การที่ทั้งสองคนสามารถปรับตัวและเล่นร่วมกันได้อย่างลงตัว แม้จะมีช่วงเวลาที่ลงเล่นร่วมกันเพียง 6 รายการเท่านั้น นับตั้งแต่เล่นลงร่วมกันรายการแรก ก็คือ ศึก อาร์คติก โอเพ่น เมื่อช่วงเดือน ต.ค.2024 โดยทีมโค้ชตัดสินใจสลับคู่ จากเดิม “บาส” เดชาพล ที่จับคู่กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย มาเล่นกับ “เฟม” ศุภิสรา และให้ “ปอป้อ“ ไปจับคู่เล่นกับ ”เอ็ม“ สุภัค จอมเกาะ ซึ่งเป็นคู่หูของ ศุภิสรา
ผลงานรายการแรก ในศึกอาร์คติก โอเพ่น 2024 ที่ฟินแลนด์ ช่วงต้นเดือนต.ค. ทั้งคู่ตกรอบ 2 หรือรอบ 16 ก่อนที่รายการต่อมา วิคเตอร์ เดนมาร์ก โอเพ่น 2024 ”บาส-เฟม“ จอดป้ายที่รอบแรก หรือรอบ 32 คน จากนั้นรายการที่ 3 ในศึกคุมาโมโตะ มาสเตอร์ส 2024 ช่วงกลางเดือน พ.ย. ทั้งคู่กรุยทางเข้าไปคว้าแชมป์ได้อย่างน่าเซอร์ไพรส์
อย่างไรก็ตามทั้งสองคนมาตกรอบแรก ในศึกหลีหนิง ไชน่า มาสเตอร์ส 2024 ซึ่งแข่งขันต่อเนื่องในสัปดาห์ถัดมาหลังจากได้แชมป์ที่ญี่ปุ่น ก่อนที่ในช่วงปลายเดือนพ.ย. จะมาได้แชมป์ปิดท้ายปี ในศึกไซเอ็ด โมดี้ อินเดีย อินเตอร์เนชั่นแนล 2024 ที่อินเดีย ซึ่งก็ทั้งคู่ปิดฉากปีด้วยผลงาน 2 แชมป์ ซึ่งก็ถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร กับการที่เพิ่งได้จับคู่ลงเล่นร่วมกันเพียงแค่ 5 รายการ
ก่อนที่เมื่อสุดสัปดาห์ล่าสุด ทั้งคู่จะเปิดหัวปี 2025 ด้วยฟอร์มที่ร้อนแรงต่อเนื่องมาจากปี 2024 ด้วยการผงาดแชมป์รายการใหญ่ระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 รายการ ปิโตรนาส มาเลเซีย โอเพ่น 2025 ที่มาเลเซีย
ในทัวร์นาเมนต์นี้ “บาส-เฟม” ช่วยกันทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยระเบิดฟอร์มปราบคู่ต่อสู้ที่มืออันดับโลกสูงกว่าตั้งแต่รอบ 2 หรือรอบ 16 คู่สุดท้าย ซึ่งไฮไลต์สำคัญก็คือการปราบคู่ผสมสุดแกร่งจากแดนมังกรจีนได้ถึง 2 คู่ โดยเอาชนะ เจียง เจิ้งปัง และ เว่ย หย่าซิน คู่ผสมมือ 2 ของโลก และคู่มือวางอันดับ 2 ของรายการจากจีน ในรอบ 16 คู่
ก่อนที่รอบชิงชนะเลิศ จะพลิกโค่นคู่ผสมมือ 1 ของโลก อย่าง เฝิง หยานเจ๋อ กับ หวง ดองปิง ไป 2-1 เกม ซึ่งแชมป์รายการนี้ก็ทำให้ “เฟม” ในวัย 25 ปี ได้แชมป์เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 เป็นครั้งแรกด้วย และทำให้สถิติการลงเล่นร่วมกันของทั้ง “บาส” และ “เฟม” นั้น เข้าขั้นสวยหรูเลยทีเดียว หลังลงเล่นร่วมกัน 6 รายการ คว้า 3 แชมป์ โดยเป็นการเล่นในระดับเวิลด์ทัวร์ทั้งหมด 19 แมตช์ ชนะ 16 แพ้ไป 3 แมตช์
ด้วยผลงานในสนามที่สำเร็จไปได้ไกลถึงตำแหน่งแชมป์ถึง 3 รายการ จากทั้งหมด 6 ทัวร์นาเมนต์ที่ลงแข่งขันร่วมกัน แน่นอนว่าเป็นการสร้างความมั่นใจชั้นดีให้กับคู่ผสมคู่ความหวังใหม่ของวงการแบดมินตันไทยได้เป็นอย่างดี
จุดเด่นของ “บาส” เดชาพล นอกจากประสบการณ์ในการเล่นที่โชกโชนแล้ว เจ้าตัวถือเป็นนักแบดมินตันชายในประะเภทคู่ผสมที่ฝีไม้ลายมือจัดอยู่ในระดับท็อปของประเภทนี้ เพราะมีลูกตบหนักหน่วง แถมยังเร็ว คล่อง และยืนคุมพื้นที่ได้ดี
ส่วน “เฟม” แม้ประสบการณ์และความสำเร็จในระดับสูงอาจไม่มากนัก แต่ก็ทดแทนได้ดีด้วยสไตล์การเล่นเกมบุกที่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะจังหวะเข้าทำเข้าประกบหน้าเน็ต ซึ่งก็ดูแล้วมีโอกาสจะพัฒนาและทำได้ดีขึ้นกว่านี้อีกเรื่อยๆด้วย ซึ่งจุดแข็งของทั้งคู่ที่ว่ามานี้ ก็ทำให้คู่นี้มีเกมการบุกที่ดุดันและอันตรายจริงๆในชั่วโมงนี้
หากยังคงรักษาผลงานและฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมได้อย่างสม่ำเสมอเช่นนี้ ก็เชื่อได้เลยว่าในปีนี้อันดับโลกของทั้งคู่จะขยับขึ้นสูงเข้ามาติดท็อป 20 ของโลกได้อย่างน้อยๆ และก้าวมาเป็นคู่ผสมความหวังใหม่ที่เป็นความหวังสูงสุดของทีมแบดมินตันไทยในการลงสู้ศึกสำคัญๆรายการต่างๆไม่ว่าจะเป็นสุธีรมาน (ทีมผสมโลก) หรือมกรรมกีฬาต่างๆได้อย่างแน่นอน
** เส้นทาง “บาส-เฟม” สู่แชมป์ มาเลเซีย โอเพ่น 2025 **
รอบ 32 คู่สุดท้าย
ชนะ ยี ฮองเหว่ย กับ นิโคล กอนซาเลซ ชาน (มือ 64 ของโลก ไต้หวัน) 2-0 เกม 21-12, 21-14
รอบ 16 คู่สุดท้าย
ชนะ เจียง เจิ้งปัง กับ เว่ย หย่าซิน (มือ 2 ของโลก จีน) 2-0 เกม 21-14, 21-19
รอบก่อนรองชนะเลิศ
ชนะ ทอม กีเซล กับ เดลฟิน แดร์รูร์ (มือ 17 ของโลก ฝรั่งเศส) 2-1 เกม 21-12, 14-21, 21-7
รอบรองชนะเลิศ
ชนะ โก๊ะ ซุนฮวด กับ เชวอน เจมี่ ไล (มือ 6 โลก มาเลเซีย) 2-1 เกม 17-21, 21-12, 21-16
รอบชิงชนะเลิศ
ชนะ เฝิง หยานเจ๋อ กับ หวง ดองปิง (มือ 1 โลก จีน) 2-1 เกม 21-13, 19-21, 21-18