"น้องพิงค์" นักตบหน้าหวานแชมป์ยช.โลก 2023 พร้อมออกท่องเวิลด์ทัวร์ปะทะยอดฝีมือ

"น้องพิงค์" นักตบหน้าหวานแชมป์ยช.โลก 2023 พร้อมออกท่องเวิลด์ทัวร์ปะทะยอดฝีมือ
ณ เวลานี้ เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ หรือ "น้องพิงค์" นักแบดมินตันหน้าหวาน วัยเพียง 16 ปี ซึ่งเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้จารึกอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ให้กับวงการแบดมินตันไทย ด้วยการคว้าแชมป์เยาวชนโลก 2023 มาครอง ในการแข่งขันที่สหรัฐอเมริกา

นักแบดมินตันหน้าหวานซึ่งกลายเป็นขวัญใจของหนุ่มๆและแฟนกีฬาไทย ลงสนามรายการดังกล่าว ในฐานะมือวางอันดับ 2 ของรายการ เอาชนะม้ามืดในทัวร์นาเมนต์นี้ อย่าง  เคียร่า มาร์เวลล่า ฮันโดโย จากอินโดนีเซีย ที่เพิ่งจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการปราบ แชมป์เก่าอย่าง โทมิยะ มิยาซากิ จากญี่ปุ่น ในรอบ 8 คนสุดท้าย ไปได้ด้วยสกอร์ 2-0 เกม 21-11, 21-9 ในรอบชิงชนะเลิศ 

ชัยชนะดังกล่าวยังช่วยให้ "น้องพิงค์" กลายเป็นนักแบดมินตันหญิงไทยคนที่ 2 ต่อจากรุ่นพี่อย่าง "เมย์" รัชนก อินทนนท์ ที่ได้แชมป์ในรายการนี้ ซึ่งเคยสร้างความยอดเยี่ยมด้วยการคว้าแชมป์เยาวชนโลกถึง 3 สมัย ในช่วงปี 2009-2011 

ขณะเดียวกันยังจารึกชื่อเป็นนักแบดมินตันไทยคนที่ 7 ที่คว้าแชมป์เยาวชนโลก ต่อจาก "เมย์" รัชนก อินทนนท์, "เอ" มณีพงศ์ จงจิตร, รจนา จุฑาบัณฑิตกุล, "บาส" เดชาพล พัววรานุเคราะห์ , "สกาย" กิตตินุพงษ์ เกตุเรน และ "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ 

"น้องพิงค์" เริ่มเข้าคอร์ตแบดมินตันตั้งแต่อายุ 1 ขวบ โดยติดสอยห้อยตามคุณพ่อ ที่เป็นโค้ชสอนแบดมินตันไปที่สโมสรบ่อยๆ ก่อนได้เริ่มจับแร็กเก็ตและฝึกแบดมินตันอย่างจริงจังตอนอายุ 4 ขวบ พร้อมกับเริ่มได้ลงแข่งขันในแมตช์ต่างๆ

แบดมินตันกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ "น้องพิงค์" รู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้ง ซึ่งคำพูดที่เธอมักจะบอกกับคุณพ่ออยู่เสมอในวัยเด็ก ก็คือ ฝันอยากจะเป็นมือ 1 ของโลก รวมถึง อยากจะสร้างชื่อเสียงในฐานะนักแบดมินตันทีมชาติไทย เหมือนไอดอลของตัวเองอย่าง "พี่เมย์" รัชนก อินทนนท์ 

นอกเหนือจากสรีระที่โดดเด่น มีรูปร่างที่สูงยาว บวกกับความมุ่งมั่นและความเพียรพยายามในการฝึกซ้อมอย่างหนัก การที่มีคุณพ่อเป็นโค้ชสอนแบดมินตัน ทำให้ "น้องพิงค์" ได้รับการถ่ายทอดทักษะและวิชาจากคุณพ่อไปแบบจัดหนักจัดเต็ม ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญให้เจ้าตัวมีทักษะและเทคนิคที่ยอดเยี่ยมกว่าเด็กสาวในรุ่นราวคราวเดียวกัน 

"น้องพิงค์" เริ่มมาฉายแววความเก่งกาจตั้งแต่ตอนอายุ 12 ปี เวลานั้นเจ้าตัวมักจะสร้างความฮือฮาให้กับคนในวงการแบดมินตันอยู่เสมอ โดยมักจะข้ามรุ่นขึ้นไปเอาชนะนักกีฬารุ่นพี่ๆที่อายุมากกว่าได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแมตช์กีฬาเยาวชนแห่งชาติ, ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย หรือแมตช์ต่างๆในประเทศ  

ในปี 2018 หรือตอนช่วงที่ "น้องพิงค์" วัย 11 ย่าง 12 เจ้าตัวได้รับการผลักดันจากครอบครัว และต้นสังกัดในการเปิดประสบการณ์แข่งขันในต่างแดน ซึ่งในปีนั้นเจ้าตัวคว้าแชมป์ระดับ บีดับบิวเอฟ จูเนียร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ถึง 2 รายการ ที่เกาหลีใต้ และ อินโดนีเซีย

ส่วนปี 2019 ได้แชมป์ระดับ บีดับบิวเอฟ จูเนียร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 1 รายการ ที่อินโดนีเซีย ก่อนคว้าแชมป์เยาวชนโลก รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี  รายการ "U-15 World Badminton Shonai Invitational 2019"  ตอนนั้นเจ้าตัวเพิ่งอายุเพียง 12 ปี ซึ่งนั่นถือเป็นทัวร์นาเมนต์แจ้งเกิดของเจ้าตัวอย่างชัดเจน 

เมื่อกลับมาลงสนามใหม่อีกครั้งในปี 2022 หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เจ้าตัวยังโชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมต่อเนื่อง ในปีดังกล่าวเจ้าตัวขยับขึ้นมาแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ระดับบีดับบิวเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ ซึ่งก็ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ไม่จำกัดรุ่นและอายุ ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับเกรด 3 เป็นรองแค่รายการระดับเวิลด์ทัวร์ 100 - 1000 และรายการระดับเมเจอร์ อาทิ ชิงแชมป์โลก, สุธีรมาน คัพ, โธมัส-อูเบอร์ คัพ เท่านั้น 

ในปี 2022 "น้องพิงค์" คว้าแชมป์ ระดับบีดับบิวเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ ได้ถึง 3 รายการ ประกอบด้วย สวีดิช โอเพ่น ที่สวีเดน, เดนมาร์ มาสเตอร์ ที่เดนมาร์ก และ บาห์เรน อินเตอร์เนชันแนล ที่บาห์เรน  

ซึ่งนั่นก็ทำให้อันดับโลกของ "น้องพิงค์" กระเตื้องขึ้นมาก พร้อมกับขยับขึ้นมาอยู่อันดับท็อป 100 ของโลกได้ด้วย 

ขณะเดียวกันเจ้าตัวยังได้รับโอกาสติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ด้วย โดยเป็นสมาชิกของทีมแบดมินตันไทย ชุดคว้าเหรียญทองซีเกมส์ ปี 2022 ที่เวียดนาม และปี 2023 ที่กัมพูชา รวมถึงยังอยู่ในทีมชุดคว้าเหรียญทองแดง ศึกชิงแชมป์โลก 2022 ประเภททีมหญิง หรือ อูเบอร์ คัพ ด้วย 

แน่นอนว่าแม้ไม่ได้ลงเล่น เนื่องจากเหตุผลในเรื่องแทคติก รวมถึงประสบการณ์ในเวทีนานาชาติที่ไม่มากนัก แต่การที่เจ้าตัวมีชื่อติดทีมชาติ พร้อมกับได้ร่วมฝึกซ้อมกับพี่ๆมือระดับโลกในแคมป์ทีมชาติ และได้ร่วมทีมไปแข่งขันด้วยในช่วงวัยเพียงแค่ 14 ปี  ถือเป็นประสบการณ์ล้ำค่าทีเดียว 

ก่อนที่ในปีนี้ ปี 2023 เจ้าตัวจะมาสร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์เยาวชนโลกหญิงเดี่ยวได้สำเร็จ ซึ่งก็ถือเป็นการแก้ตัวและลบความผิดหวัง หลังในปี 2022 ตกรอบ 8 คนสุดท้าย ด้วยการแพ้ให้กับ โทโมกะ มิยาซากิ แชมป์หญิงเดี่ยวในปีนั้นจากญี่ปุ่นไป 

ซึ่งเหตุผลหลักๆของความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น ก็เกิดจากสภาพจิตใจที่ไม่พร้อมดีนักของ "น้องพิงค์" ที่เพิ่งจะสูญเสียคุณปู่ไป ก่อนจะเดินทางมาแข่งขันไม่กี่วัน 

"น้องพิงค์" เปิดใจกับทีมข่าวกีฬาสยามว่า ในปี 2024 เป้าหมายหลักๆนั้น คงต้องพยายามตระเวนลงแข่งขันในระดับเวิลด์ทัวร์ให้มากขึ้น เพื่อที่จะเก็บคะแนนให้มากขึ้น สำหรับการทำอันดับโลกให้ได้สูงกว่านี้ เบื้องต้นตั้งเป้าอยู่ใน 40 อันดับแรกของโลกให้ได้ในปี 2024 รวมถึงจะพยายามคว้าโอกาสในการลงเล่นศึกชิงแชมป์โลกรุ่นใหญ่ให้ได้ 

"หนูจะพยายามไต่อันดับโลกในเวิลด์ทัวร์ให้ได้มากขึ้นค่ะ ปี 2024 ก็น่าจะมีโอกาสได้ลงเล่นทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์มากขึ้น 

ส่วนความฝันของหนูในเวลานี้ ก็คืออยากมีโอกาสเข้าไปตีในแมตช์ชิงแชมป์โลก และโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ค่ะ"

น้องพิงค์ ยังเผยอีกว่า ตอนนี้ศึกษาอยู่ชั้น ม. 5 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศเชียงใหม่ ซึ่งพอต้องออกมาตระเวนแข่งขัน เพื่อเก็บคะแนน ก็ทำให้ไม่ค่อยจะมีเวลาเข้าไปเรียนเหมือนเพื่อนๆ แต่ต้องขอบคุณทางโรงเรียนที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะเข้าใจกับการทำหน้าที่ของตนเอง ซึ่งทุกครั้งที่กลับมาจากการแข่งขัน ก็ต้องไปตามงานและตามสอบในรายวิชาที่ไม่ได้เข้าเรียน

ด้าน "โค้ชตี๋"" เกษมศักดิ์ จตุจินดา ผู้ฝึกสอนของน้องพิงค์ เผยว่า จุดเด่นของน้องพิงค์ ก็เรื่องของฝีมือ รูปร่าง และระบบการหายใจที่ดี ถือเป็นนักกีฬาที่มีหัวจิตหัวใจเป็นนักสู้ มุ่งมั่นที่จะเอาชนะในทุกๆแมตช์ และมีระเบียบวินัยทั้งในและนอกสนาม

ส่วนสิ่งที่น้องพิงค์ต้องฝึกฝนและพัฒนาเพิ่มเติม ก็คือลูกบุก ความอดทนในการเล่นเกมยาวๆ และการฟื้นตัวของร่างกายหลังจบการแข่งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็ได้วางโปรแกรมฝึกซ้อมเพื่อให้น้องพัฒนาในจุดนี้ขึ้น และเพื่อให้พร้อมสำหรับการแข่งขันในปีหน้า 

ซึ่งก็แน่นอนว่าจะเป็นการแข่งขันระดับการแข่งขันที่ใหญ่ขึ้นทั้งเวิลด์ทัวร์ซูเปอร์ 100, 300 หรือ 500 ต่อไป

โค้ชตี๋ กล่าวด้วยว่า การเลือกทัวร์นาเมนต์แข่งขันให้น้องในปี 2024 อาจจะไม่ถี่หรือหนักเท่ากับปีที่ผ่านๆมา อาจจะเป็น 2 รายการพัก และ 3 รายการพัก แล้วแต่ความเหมาะสม 

แน่นอนว่าจะต้องผลักดันให้น้องพิงค์ขึ้นไปตีในระดับเวิล์ดทัวร์ให้มากขึ้น เพื่อให้น้องมีความคุ้นชินกับการลงแข่งขันกับนักกีฬาจากระดับโลก เช่นกันกับการฝึกซ้อมที่สโมสรก็จะต้องมีการปรับให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น 


** ประวัติส่วนตัว ** 

ชื่อ :  พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์

ชื่อเล่น : พิงค์ 

วันเกิด :  4 มกราคม 2550

ปัจจุบันอายุ : 16 ปี 

สูง : 173 ซม. 

หนัก : 46 กก. 

ภูมิลำเนา : จ.เชียงใหม่ 

การศึกษา : ปัจจุบันศึกษาอยู่ชั้น ม. 5 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศเชียงใหม่

เริ่มเล่นแบดมินตัน : 5 ขวบ 

โค้ชคนแรก : พิพัฒน์ โอภาสนิพัทธ์ (คุณพ่อ) 

โค้ชปัจจุบัน :  "โค้ชตี๋" เกษมศักดิ์ จตุจินดา 

ต้นสังกัด : เกษมศักดิ์แบดมินตัน อะคาเดมี่

นักแบดมินตันที่ชื่นชอบ :  "เมย์" รัชนก อินทนนท์ และ ไถ้ ซื่อหยิง

อันดับโลกปัจจุบัน : 55 ของโลก (อันดับโลกประกาศเมื่อ 12 ธ.ค.66) 


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport