"น้องพิงค์" ไม่สนงานวงการบันเทิง วางฝันลุยโอลิมปิก

"น้องพิงค์" พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ สาวน้อยมหัศจรรย์ วัย 16 ปี แชมป์แบดมินตันเยาวชนโลกหญิงเดี่ยว ปี 2023 ได้ออกมาเปิดใจถึงความสำเร็จหลังสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เยาวชนโลก พร้อมกับเป็นนักกีฬาแบดมินตันหญิงไทยคนที่ 2 ที่คว้าแชมป์เยาวชนโลกได้ต่อจาก "เมย์" รัชนก อินทนนท์ รุ่นพี่ที่เคยทำได้ 3 สมัยในช่วงปี ค.ศ.2009-2011 ว่า หลังจากพลาดเหรียญรางวัลไปในรอบที่แล้ว รอบนี้ตนเองมีการเตรียมตัวมาอย่างหนัก มีการทำสมาธิมากขึ้นและเพิ่มเรื่องพละกำลังมากขึ้นเพื่อมาแข่งขันครั้งนี้

"แชมป์ครั้งนี้ หนูอยากมอบให้กับอากงของหนูค่ะ เยาวชนชิงแชมป์โลกปีที่แล้ว หนูก็ตั้งใจจะมาคว้าแชมป์ให้กับคุณปู่ที่เสียไปในช่วงเวลาใกล้ๆกัน แต่หนูทำไม่ได้ค่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าสภาพร่างกายและจิตใจยังไม่ดีพอ มาปีนี้ตั้งใจมากค่ะ แล้วก็ทำได้สำเร็จ แชมป์ครั้งนี้จึงอยากมอบให้กับอากงที่ล่วงลับไปเป็นพิเศษค่ะ" 

"น้องพิงค์" ยังเผยอีกว่า แมตช์ที่คิดว่ายากและหนักที่สุดในศึกเยาวชนโลกหนนี้ คือเกมในรอบ 16 คนสุดท้ายกับ รูซานา รูซานา นักกีฬาจากอินโดนีเซียค่ะ เพราะเกมมันบีบกันมากและแต้มเบียดกันตลอดทั้งแมตช์ โดยเฉพาะเกมที่ 3 ที่เป็นเกมตัดสิน ส่วนปีหน้าจะได้กลับมาลงแข่งขันป้องกันแชมป์ เดี๋ยวคงต้องมาดูโปรแกรมกันค่ะ และคงจะมีการคุยกับโค้ชตี๋อีกที"

นักแบดมินตันหน้าหวานวัย 16 ปี ซึ่งปัจจุบันรั้งมือ 57 ของโลก ยังเผยถึงเป้าหมายของตัวเองด้วยว่า หลังจากนี้จะพยายามทำอันดับในเวิล์ดทัวร์ให้ดีขึ้น ซึ่งก็ต้องลงแข่งขันมากขึ้นด้วย ส่วนความฝันของตนเองในเวลานี้ คือ อยากจะเข้าร่วมการแข่งขันแมตช์ใหญ่ของโลก อย่าง รายการชิงแชมป์โลก และโอลิมปิกเกมส์ให้ได้ 

เมื่อถูกถามถึงโอกาสในการเข้าทำงานในวงการบันเทิง หลังที่่ผ่านมีแมวมองทาบทามให้เข้าไปทำงานในวงการมากมาย เนื่องจากมองว่าเป็นนักกีฬาที่หน้าตาและรูปร่างดี "น้องพิงค์" เผยถึงประเด็นนี้ด้วยว่า ที่ผ่านมาก็มีไปถ่ายงานมาบ้าง แต่ก็เลือกรับเป็นบางงาน ส่วนที่ยังไม่เลือกรับงานหรือเข้าไปทำงานตรงนั้น เพราะส่วนตัวไม่ได้ชอบงานในวงการบันเทิง และก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นนักแสดง และตอนนี้อยากโฟกัสกับการฝึกซ้อมและแข่งขันแบดมินตันให้ดีที่สุดก่อน 

ด้าน "โค้ชตี๋" เกษมศักดิ์ จตุจินดา ผู้ฝึกสอนของ "น้องพิงค์" เผยว่า ก่อนมาแข่งขันศึกเยาวชนโลกรอบนี้ แอบหวังลึกๆว่าน้องน่าจะทำผลงานได้ดี หลังในการฝึกซ้อมช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำได้ดี บวกกับช่วงของการแข่งขันประเภททีมในรอบแรกๆก็ตีได้ดี ตีเสียเองน้อย ซึ่งตนก็แอบหวังลึกๆในใจเช่นกันว่าน้องก็น่าจะมีผลงานที่ดีในการแข่งขันศึกชิงแชมป์โลกคราวนี้ 

"โค้ชตี๋" เผยอีกว่า สำหรับสไตล์การเล่นของน้องพิงค์นั้น จุดเด่นคือเรื่องของจังหวะฝีมือ รูปร่าง และระบบการหายใจ รวมถึงใจสู้และมีความมุ่งมั่นสูง ถือว่าน้องมีรูปร่างที่ดีและถือว่ามีพรสวรรค์ทีเดียว อีกทั้งยังเป็นนักกีฬาที่มีระเบียบวินัยทั้งในและนอกสนาม ต้องชื่นชมน้องด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งสำคัญของการก้าวไปเป็นนักกีฬาแบดมินตันอาชีพ ส่วนตัวภูมิใจที่เห็นน้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่ต้องเพิ่มเติมก็คือ จังหวะการเล่นเกมบุก หรือความอดทนในการเล่นเกมยาวๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้วางโปรแกรมการฝึกซ้อมเอาไว้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการทำร่างกายและการฟื้นตัวของร่างกาย รวมถึงการป้องกันการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม

"สิ่งที่ต้องปรับปรุง เห็นชัดๆอยู่แล้วก็คือเรื่องของเทคนิคในการตีเกมยาวๆ รวมไปการฟื้นตัวของร่างกาย ซึ่งอาจต้องเสริมเพิ่มเติมเข้าไปให้น้องพิงค์ เช่นกันในเรื่องของการทำกล้ามเนื้อ น้องพิงค์เองเป็นนักกีฬาที่มีความยืนหยุ่นดีและคล่องตัว แต่อาจจะไปด้อยในเรื่องของความอดทนเมื่อต้องเล่นเกมนักๆ ซึ่งเราเองก็คงต้องเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขึ้นตามอายุของเขา" 

"โค้ชตี๋" เผยถึงโปรแกรมการแข่งขันของน้องพิงค์หลังจากนี้ด้วยว่า ทั้งในปีนี้หรือปีหน้าก็คงจะไม่อัดแน่นและถี่เหมือนปีก่อน ซึ่งอย่างการไปเล่นที่ยุโรปปีก่อน เดินทางไปแล้วครั้งหนึ่ง เลือกเล่น 3-4 รายการ แต่รอบต่อไปคงจะเลือกเล่น อาจจะปรับการแข่งขันเป็นลงเล่น 2 รายการแล้วพัก หรือรายการเว้นรายการ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความเหมาะสม และก็คงต้องให้น้องขึ้นไปตีเกมในระดับเวิล์ดทัวร์ให้เยอะขึ้น เพื่อให้น้องได้มีประสบการณ์กับการเล่นกับนักกีฬาแบดมินตันระดับโลก เช่นกันกับการฝึกซ้อมที่สโมสรก็ต้องปรับให้มีความเป็นมืออาชีพให้มากขึ้น