"คีริน"รับแล้วเงินรางวัล1ล้านบาทหลังทุบสถิติประเทศไทยวิ่ง 10 กม.ชาย

คีริน ตันติเวทย์ นักวิ่งลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่เพิ่งทำเซอร์ไพร์สด้วยการสร้างสถิติประเทศไทยการแข่งขันวิ่งประเภทถนน 10 กม.ชาย ในศึกบางแสน10 ขึ้นใหม่ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.65 โดยวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 2 คว้ารองแชมป์ 10 กม.ชายรายการดังกล่าว ด้วยเวลา 29.47 นาที แม้พลาดแชมป์ไป แต่สถิติยังดีกว่าของเดิมที่ ณัฐวุฒิ อินนุ่ม ได้ทำเอาไว้ ที่เวลา 29.48 นาที  

ล่าสุดเมื่อ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา คีริน ตันติเวทย์ ได้เดินทางไปยัง บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เพื่อรับมอบเงินรางวัลมูลค่า 1,000,000 บาท จากการทำลายสถิติประเทศไทย ตามกิจกรรมของ M-150 ในชื่อ "M-150 Break The Record วิ่งทำลายสถิติ คว้า 1,000,000 บาท" โดยจะมอบเงินรางวัล 1 ล้านบาทให้กับนักวิ่งคนไทยที่สามารถทำลายสถิติการวิ่งในระยะ 10 กม., ฮาล์ฟมาราธอน และมาราธอน ทั้งชายและหญิง  โดยงานนี้ มี พลาวัสภ์ ภัทรพุทธิเศรษฐ์  head of Marketing – M Brand บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้มอบเงินรางวัลให้กับมือของ "คีริน"  โดยยังมี  พล.ต.ต.ศุภวณัฏฐ์ อาริะยะมงคล ประธานพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย และ พล.ต.อาณัติ รัตนพล ประธานฝ่ายจัดการแข่งขันสมาคมกีฬากรีฑาฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน 

นายพลาวัสภ์ ภัทรพุทธิเศรษฐ์ เปิดเผยว่า M-150 เป็นพลังใจฮึดสู้ให้กับวงการกีฬาไทยมาอย่างยาวนาน สำหรับกีฬากรีฑาก็เป็นหนึ่งชนิดกีฬาที่สำคัญของไทย ดังนั้น M-150 จึงอยากเป็นแรงหนุนให้นักกีฬาทุกคนฮึดสู้ ทำลายสถิติของตัวเอง ทำวันนี้ให้ดีกว่าวันเก่า ซึ่ง "คีริน" ก็เป็นนักวิ่งคนไทยรายแรกที่สามารถทำลายสถิติประเทศไทยและคว้าเงินรางวัล 1 ล้านบาทไปครองได้สำเร็จ ซึ่ง M-150 เอง อยากจะขอเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศลุกขึ้นออกมากำลังกายและร่วมกันวิ่งทำลายสถิติประเทศไทยทั้ง 3 ระยะ ในรายการที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในประเทศ ซึ่งเป็นรายการสมาคมกีฬากรีฑาฯให้การรับรอง 

ด้าน คีริน ตันติเวทย์ เผยว่า รู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่สามารถทำลายสถิติการวิ่งถนนประเทศไทย 10 กม.ชายได้สำเร็จ อยากขอบคุณ M-150 ที่มอบเงินรางวัลสนับสนุน และขอบคุณแฟนๆกีฬาชาวไทยทุกคนที่ร่วมเชียร์และให้

กำลังใจตนเองในทุกๆการแข่งขัน ส่วนตัวดีใจมากๆที่ได้กลับมาแข่งขันในประเทศไทยและภูมิใจเสมอยามที่ลงแข่งขันในนามประเทศไทยในแมตช์แข่งขันระดับนานาชาติ 

"หลังจากบาดเจ็บในช่วงซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม ผมพักประมาณ 2 เดือน ซึ่งก่อนมาแข่งขันที่บางแสน ได้ซ้อมมา 2 ร่างกายสมบูรณ์ในระดับนึง แต่ก็ยังไม่ถึงขีดสุด เพราะปกติจะต้องซ้อมให้ได้ 4 เดือน ส่วนสถิติที่ออกมาถือว่าดีเลย แต่เชื่อว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ส่วนตัวมองว่าอากาศที่เมืองไทยร้อน ซึ่งก็สร้างปัญหาในการวิ่งได้อยู่เหมือนกัน ส่วนโอกาสที่จะกลับมาลงวิ่งประเภทถนนแบบนี้อีก ยังไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสเมื่อไหร่ เพราะต้องลงแข่งขันในลู่ด้วย ก็ต้องปรึกษากับโค้ชและทีมในการวางโปรแกรมแข่งขันอีกครั้ง" 

"แผนของผมหลังจากนี้คือในช่วงปลายสัปดาห์จะเดินทางกลับไปที่สหรัฐฯ และกลับมาลุยซ้อมอย่างเต็มที่อีกครั้งในช่วง 3-4 เดือนต่อจากนี้ เพื่อทำเวลาและลุ้นเข้าร่วมการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์โลก 2023 ในเดือนสิงหาคม 2565 ที่ฮังการี ส่วนซีเกมส์ 2023 และเอเชียนเกมส์ 2023  ยังเป็น 2 มหกรรมกีฬาที่อยากเข้าร่วมการแข่งขัน และอยากจะคว้าเหรียญทองให้ประเทศไทยให้ได้"