โอลิมปิกที่แท้จริง!แฟนร่วมวิ่งเคียงข้างให้กำลังใจมาราธอนสาวภูฏาน

คินซัง ลาโม จากภูฏาน แสดงให้คนทั้งโลกเห็นว่านักกีฬาโอลิมปิกหมายถึงอะไร โดยการวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างสุดความสามารถแม้จะจบเป็นอันดับสุดท้าย และตามหลังผู้ชนะถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง 

โดยในวิ่งเข้าเส้นชัยในเส้นทางที่เต็มไปด้วยเนินเขาและอากาศร้อนภายในเวลา 3 ชั่วโมง 52 นาที 59 วินาที โดยในบางช่วงเธอต้องหยุดเดิน แต่ได้รับกำลังใจจากผู้ชมที่ปั่นจักรยานและวิ่งเคียงข้างเธอตลอดกิโลเมตรสุดท้าย

ขณะที่เธอวิ่งไปตามทางตรงสุดท้าย แฟนๆ บนอัฒจันทร์ด้านหน้าอนุสาวรีย์อินวาลิดก็ลุกขึ้นยืนเพื่อส่งเสียงเชียร์เธอขณะที่เธอวิ่งเข้าเส้นชัย โดยเป็นผู้หญิงคนที่ 80 ที่เข้าเส้นชัย

ผู้ชมทั่วโลกมองว่า คินซัง ลาโม เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณโอลิมปิก ซึ่งก็คือแนวคิดที่ว่าการแข่งขันไม่ได้เกี่ยวกับการชนะ แต่เป็นเรื่องของการมีส่วนร่วม 

ลาโม วัย 26 ปี เข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก และเป็นผู้ถือธงชาติในพิธีเปิด รวมถึงเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในคณะนักกีฬา ภูฏาน สามคน

เธอเริ่มวิ่งหลังจากเข้าร่วมกองทัพภูฏาน เธอคว้าชัยชนะในการแข่งขันมาราธอนภูฏานเมื่อปีที่แล้วและปีนี้ โดยทำเวลาได้ 3 ชั่วโมง 26 นาทีในเดือนมีนาคม และได้อันดับสองในปี 2022 ในการแข่งขัน Snowman Race ซึ่งเป็นการแข่งขันระยะทาง 203 กิโลเมตร (126 ไมล์) ผ่านเทือกเขาหิมาลัย

“การได้แข่งขันในระดับนี้ถือเป็นความฝันของฉันเสมอมา” ลาโมกล่าวในการสัมภาษณ์กับ Deutsche Welle ก่อนที่เธอจะเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรก

“เป้าหมายแรกของฉันคือการวิ่งมาราธอนให้เสร็จและทำลายสถิติส่วนตัวของตัวเอง” เธอกล่าว แม้ว่าเวลาของเธอในวันอาทิตย์จะช้ากว่าสถิติส่วนตัวของเธอ แต่เธอก็จบการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยม

สำหรับบางคน ความกล้าหาญและความมุ่งมั่นของลาโมในการวิ่งมาราธอนที่ปารีสยังทำให้ฉันนึกถึงจอห์น สตีเฟน อัควารี ชาวแทนซาเนีย ซึ่งได้รับบาดเจ็บแต่ยังเดินกะเผลกจนถึงเส้นชัยในการแข่งขันมาราธอนโอลิมปิกในปี 1968 

เมื่อมีคนถามเขาว่าทำไมเขาถึงวิ่งต่อ คำตอบของเขาจึงถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

“ประเทศของฉันไม่ได้ส่งฉัน 5,000 ไมล์เพื่อเริ่มการแข่งขัน” เขากล่าว “พวกเขาส่งฉันมาเพื่อวิ่งให้เสร็จ”