จิตนิ่งใจสงบ กุญแจสู่เหรียญเงินโอลิมปิก "ฟ่าง-ธีรพงศ์​"

ผลสุดท้าย กองเชียร์ชาวไทย รวมถึงเจ้าตัวได้สมหวังดังใจ กับเหรียญทองประวัติศาสตร์ ทำให้ พาณิภัค สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาไทยคนแรก ที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ถึง 2 สมัย ซึ่งก็นับว่ายอดเยี่ยมและไร้เทียมทานมากๆ 

ในวันเดียวกัน ช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน ยกน้ำหนัก ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาความหวังของประเทศไทยเสมอมา ยามลงแข่งขันในศึกโอลิมปิกเกมส์ ก็เปิดฉากทำการแข่งขันเป็นวันแรกเช่นกัน ซึ่งก็มีนักกีฬาไทยลงทำการแข่งขันถึงสองคน คือ "ฟ่าง" ธีรพงศ์ ศิลาชัย ดาวรุ่ง 20  ปี จากศรีสะเกษ กับ "ออย" สุรจนา คำเบ้า สาวเชียงราย วัย 24  ปี 

วันแรกของการแข่งขัน และรุ่นแรกที่ประเดิมชิงชัย ก็ได้เหรียญรางวัลเลย ซึ่ง "ฟ่าง" ธีรพงศ์ ศิลาชัย สร้างเซอร์ไพรส์ ด้วยการคว้าเหรียญเงินให้กับทีมจอมพลังไทยเป็นการประเดิม จากรุ่น 61 กก.ชาย 

เหรียญนี้ถือเป็นเหรียญรางวัลที่เซอร์ไพรส์แฟนกีฬาชาวไทยพอสมควร ที่สำคัญเจ้าตัวก็ยอมรับว่าเซอร์ไพรส์เช่นกัน ที่คว้าเหรียญรางวัลได้สำเร็จ ตั้งแต่การลงแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก และเหรียญรางวัลดังกล่าวก็นับเป็นเหรียญที่ 2 ของทัพยกน้ำหนักชายไทย ในศึกโอลิมปิกเกมส์ด้วย หลังเคยได้ครั้งแรกเมื่อปี 2016 จาก "ดุ่ย" สินธุ์เพชร์ กรอยทอง 

เบื้องหลังหรือกุญแจของความสำเร็จบนเวทีโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของ "ฟ่าง" คือ การฝึกซ้อมที่เข้มข้นภายในแคมป์ยกน้ำหนักไทย ที่เชียงใหม่ ซึ่งก็เกิดจากทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง ผ่านการตระเวนลงแข่งขันตลอด เพื่อเก็บเกี่ยวช่วงโมงบิน ซึ่งก๋ทำให้เจ้าตัวได้ผ่านบรรยากาศการแข่งขันที่กดดันตต่างๆ จนทำให้มีสภาพจิตใจนิ่งและแข็งแกร่ง ไม่ตื่นเวทีเมื่อต้องขึ้นไปยก 

สมาคมกีฬายกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ยังให้ความสำคัญกับเรื่องต่างๆนอกเหนือจากเรื่องในสนามด้วย ทั้งเรื่องโภชนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา รวมไปถึงเรื่องจิตวิทยา ซึ่งมีการให้นักจิตวิทยาเข้ามาพูดคุยกับนักกีฬาอยู่เป็นระยะๆก่อนมาโอลิมปิก เพราะรู้ดีว่านอกจากความพร้อมในด้านร่างกายและเทคนิคแล้ว หากนักกีฬาจิตใจไม่นิ่งไม่แข็งแกร่งพอในการลงสู้แมตช์ใหญ่ที่ต้องรอนานถึง 4 ปีครั้ง มีโอกาสผิดหวังสูง 

ผลงานของ "เจ้าฟ่าง" ธีรพงศ์ ศิลาชัย อาจสะท้อนผลลัพธ์ในการทำงานอย่างหนักของทีมงานทุกฝ่าย เพราะในการแข่งขัน จอมพลังหนุ่มวัย 20 ปี สามารถสร้างผลงานสุดเพอร์เฟกซ์ ด้วยการขึ้นไปยกผ่านทั้ง 6 ครั้ง แบ่งเป็น สแนตช์ 3 หน และคลีนแอนด์เจิร์กอีก 3 ครั้ง 

ขณะที่คู่แข่งสำคัญของ "ฟ่าง" ต่างก็พากันพลาดเองไปหมดในการขึ้นมายก ซึ่งนักกีฬาจากอินโดนีเซีย อิโก้ อิราวาน รองแชมป์โลกเมื่อปีก่อน ซึ่งเป็นอดีตแชมป์โลกเมื่อปี 2018 ที่ว่าประสบการณ์สูงๆก็ยกพลาดถึง 5 ครั้ง โดยยกผ่านแค่หนเดียว ในรอบที่สองของท่าสแนตช์ 

การยกไม่ผ่านทั้ง 3 ครั้งในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ก็ทำ อิราวาน หมดลุ้นเหรียญโอลิมปิกไปโดยปริยายด้วย นอกจากนี้ยังมีนักยกน้ำหนักอีก 4 คน นอกเหนือจากนักยกน้ำหนักอินโดฯ ที่ไม่มีสถิติในการแข่งขัน อันเนื่องจากยกไม่ผ่าน 3 หนทั้งในท่าสแนตช์ และ คลีนแอนด์เจิร์ก 

"การยกผ่าน 6 ครั้ง ทั้งสแนตช์ 3 ครั้ง และคลีนแอนด์เจิร์ก 3 ครั้ง จริงๆแล้วผมเองไม่ชัวร์ท่าสแนตช์ครับ เพราะไม่เก่งท่าสแนตช์ แต่พอใจมันนิ่ง ใจมันสงบ ขึ้นไปยกผ่านครั้งแรก มันก็ยิ่งทำให้เรามั่นใจครับ ส่วนตอนขึ้นไปยก ผมแค่คิดว่าการแข่งมันเป็นเหมืนช่วงเวลาที่ผมซ้อมกับตัวเองอยู่คนเดียว ขึ้นไปเวทีไม่มีความรู้สึกตื่นเต้น และไม่มีความรู้สึกกดดัน ช่วงที่ตื่นเต้นจริงๆจะมีแค่ช่วงรอแข่งเฉยๆ"

"ผมซ้อมมาตลอดครับ ตามโปรแกรมที่โค้ชได้วางไว้ให้ อาจจะมีเจ็บมีอู้บ้างอะไรบ้าง เพราะก็มีวันที่ไม่ไหว และแต่ละวันมันไม่ได้เพอร์เฟกซ์ทุกวันครับ โดยเฉพาะเรื่องการซ้อม เอาจริงๆกับโอลิมปิกเกมส์ 2024 พอผมรู้ว่าผมได้มาปุ๊บ ก็พยายามบอกกับตัวเองว่าต้องตั้งใจให้มากขึ้น และมาแล้วก็อยากจะทำหน้าที่ให้ดีสุด"

"ผมเองได้คุยกับโค้ชครับ โค้ชบอกว่า โอลิมปิกมันเป็นแมตช์ใหญ่มากๆ แต่อยากให้คิดว่าแม้จะเป็นโอลิมปิก แต่คู่ต่อสู้มันก็เหมือนเดิม การจะชนะได้ก็คือต้องนิ่ง ถ้าเรานิ่ง เราเก่ง เวลาลงไปในสนาม มันเป็นการขู่คู่ต่อสู้ได้"

 "เจ้าฟ่าง" กล่าวว่า  "โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เป็นอะไรที่เกินฝันของผมเหมือนกันครับ จริงๆมาครั้งนี้มองว่าการได้ร่วมมาแข่งขันก็เป็นอะไรที่ภูมิใจแล้วครับ แต่พอมาแข่งจริงก็ได้เหรียญรางวัลด้วย ถือว่าฝันเป็นจริงครับ กลับไปผมเองก็อยากจะนำเงินรางวัลที่ได้รับไปสร้างบ้านให้กับพ่อ ที่ศรีสะเกษด้วยครับ เพราะตอนนี้พ่อยังอาศัยอยู่ร่วมกับป้าครับ"

"อย่างการยกสแนตช์ ซ้อมได้ 133 กก. แต่พอยกจริงได้ 132  กก. ถือว่าโอเคเลยครับ ส่วนคลีนแอนด์เจิร์ก เคยยกได้ 171 กก. ซึ่งก็เป็นสถิติที่ทำได้จากตอนแข่งขัน เวิลด์คัพ 2024 ที่ภูเก็ต ครับ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เราทำได้อยู่" 

ด้วยอายุเพียง 20 ปี "ฟ่าง" ธีรพงศ์ ศิลาชัย แจ้งเกิดได้สำเร็จบนเวทีใหญ่ระดับโลก อย่าง ศึกโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่า พร้อมจะพัฒนานาตัวเองต่อไป เพื่อการแข่งขันในรายการข้างหน้าอีกมากมาย ซึ่งก็รอให้ตนเองนั้นต้องพิสูจน์ความสามารถ