“เทนนิส พาณิภัค”​ เผยเหรียญทองคุ้มค่า ทุ่มยอมแลกด้วยอาการเจ็บ

“เทนนิส พาณิภัค”​ เผยเหรียญทองคุ้มค่า ทุ่มยอมแลกด้วยอาการเจ็บ
”เทนนิส“ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ยอมรับมีอาการบาดเจ็บแต่สู้เต็มที่เพื่อเหรียญทองโอลิมปิกครั้งนี้ฉลองวันเกิดตนเอง

”เทนนิส“ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2024 ซึ่งนับเป็นเหรียญทองสมัยที่ 2 ของตัวเองด้วยว่า ”รู้สึกดีใจมากๆที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยได้ เหรียญทองนี้เป็นเหมือนการตอบแทนความมุ่งมั่นทุกหยาดเหงื่อของหนูเป็นอย่างดี รู้สึกดีใจแล้วก็ขอบคุณโค้ชเช ขอบคุณ คุณพิมล ขอบคุณสมาคม โค้ช และเพื่อนๆทุกคนที่คอยผลักดันมาจนถึงวันนี้”

เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกในช่วงครึ่งนาทีสุดท้ายของยกที่สาม พาณิภัค เผยว่า “หนูรู้สึกว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตหนูแล้ว แล้วหนูไม่มีอะไรจะเสียแล้ว หนูเลยขอใส่เต็มที่หมดแม็ก อย่างที่เคยบอกทุกคนไว้ ฉะนั้นวันนี้ถ้าวันนี้มันจะแพ้ หนูก็ขอแพ้อย่างทำเต็มที่ ก็เลยพยายามเตะเข้าไป แล้วก็เตะโดน ก็เลยบอกโค้ชว่าขอดูวีดีโอรีเพลย์ และก็เห็นว่าโดนจริงๆ ก็คิดว่าทุกอย่างมันคือวันสุดท้ายแล้ว จึงพยายามสนุกกับเกม ทำให้เต็มที่ที่สุด แล้วก็ปลดล็อคมันได้จริง” 

”เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์รอบนี้ ถือเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดมากๆในชีวิตค่ะ เพราะใกล้กับวันเกิดหนูวันที่ 8 ส.ค.นี้ พอดีค่ะ ก็อยากจะมอบให้กับคนไทยทุกคนด้วย เพราะว่าทุกคนก็ตั้งตารอหนู ลุ้นไปกับหนูด้วย เพราะว่าหนูมีอาการบาดเจ็บเยอะมาก หลายคนอาจจะมีความสงสารหนู หนูก็เลยอยากจะมอบของขวัญนี้ตอบแทนกลับไป“

ผู้สื่อข่าวยิงคำถามอีกว่า เครียดและกดดันขนาดไหนกับแมตช์การแข่งขันสุดท้ายของตัวเอง พาณิภัค ตอบว่า ”เครียดมากๆเหมือนกันค่ะ แต่ก็มีนักจิตวิทยาช่วยดูค่ะ คุยกันมาตลอด เขาก็บอกว่าอย่าไปกดดัน และให้คิดว่าแมตช์นี้เป็นการแข่งขันปารีสโอเพ่น หรือเป็นแมตช์ธรรมดา เพราะคู่ต่อสู้ทุกคนที่เคยเจอ เราก็เคยเจอ และแพ้ชนะกันมาหมดแล้ว จึงรู้ทุกคนเป็นอย่างดี ว่าใครมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ก็เลยพยายายามคิดเป็นธรรมดาทั่วไปเลยค่ะ มันก็เลยช่วยคลายความกังวลและกดดันได้ไปได้เยอะ”

“หนูบอกกับตัวเองเสมอค่ะ ว่าต้องอยู่กับปัจจุบัน ต้องมีสติ และรีเซตใหม่ อย่างในสนาม ทุกแต้มต้องรีเซต และต้องมีสติ เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ อย่างช่วงเวลาที่ตามหลังก็คิดว่าไม่เป็นไร เวลายังเหลืออยู่ อะไรก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้” พาณิภัค ทิ้งท้าย


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport