"ฟ่าง ธีรพงศ์"​ สร้างเซอร์ไพรส์คว้าเหรียญเงินยกน้ำหนักโอลิมปิก

การแข่งขันยกน้ำหนัก ที่เซาท์ ปารีส อารีน่า เมื่อช่วงดึกวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เปิดฉากทำการแข่งขันเป็นวันแรก และมีนักกีฬาไทยขึ้นเวทีชิงชัย 2 คน โดยประเดิมด้วยรุ่น 61 กก.ชาย "ฟ่าง" ธีรพงศ์ ศิลาชัย จอมพลังวัย 20 ปี จากศรีสะเกษ เจ้าของเหรียญเงิน เวิลด์คัพ 2024 ที่ภูเก็ต ขึ้นเวทีชิงชัย 

เปิดฉากมาในท่าสแนตช์ "ฟ่าง" โชว์พลังการยกได้อย่างยอดเยี่ยม ยกผ่านทั้ง 3 ครั้ง ที่ 127 กก., 130 กก. และ 132  กก. ซึ่งสถิติของ "ฟ่าง" ดีพอทำให้จบตัวรั้งอันดับ 3 หลังจบการยกท่านี้ ด้านผู้นำในท่าสแนตช์ ได้แก่ ลี ฟาบิน จอมพลังวัย 31 ปี เจ้าของแชมป์โลก 3 สมัย ในปี 2019, 2022, 2023 ยกได้อย่างแข็งแกร่ง แถมสร้างสถิติท่าสแนตช์ ในโอลิมปิกเกมส์ ในการขึ้นยกหนที่ 3 ที่สถิติ 146 กก. ด้าน อิราวาน อิโก้ แชมป์โลก 2018 จากอินโดนีเซีย สถิติท่าสแนตช์ มาที่ 3  ที่ 135 กก. 

กลับมาแข่งขันกันต่อในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก จอมพลังจากอินโดนีเซีย ยกรูดไม่ผ่านทั้ง 3 ครั้ง ทั้งการยกใน 2 ครั้้งแรก ที่ 162 กก. และครั้งสามที่ 165 กก. ทำให้คู่แข่งคนสำคัญที่ลุ้นเหรียญแข่งกับ "เจ้าฟ่าง" หมดลุ้นเหรียญรางวัลไปโดยไปโดยปริยาย ซึ่ง "ฟ่าง" ก็ออกมายกผ่านทั้ง 3 หน ด้วยความมั่นใจ 167, 169 และ 171 กก. ทำให้สถิติรวมของ ธีรพงศ์ อยู่ที่ 303 กก. ดีพอที่จะคว้าเหรียญเงินไปครอง โดยนับเป็นเหรียญรางวัลที่ 3 ของทัพไทย ในศึกโอลิมปิก 2024 ต่อจาก "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เหรียญเงิน แบดมินตันชายเดี่ยว และ "บี" จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง เหรียญทองแดง มวยสากล รุ่น 66 กก.หญิง 

ด้านเหรียญทองตกเป็นของ ลี ฟาบิน ที่ยกทำสถิติรวม 310 กก. โดยเจ้าตัวยกสแนตช์ 167 กก. ส่วนเหรียญเงิน เป็นของ มอริส แฮมตัน จากสหรัฐอเมริกา สถิติ 298  กก. หลังยกสแนตช์ 126 กก. กับ คลีนแอนด์เจิร์ก 172 กก.  

ทั้งนี้ "ฟ่าง" กลายนักกีฬายกน้ำหนักไทยคนที่ 2  ในประวัติศาสตร์ที่ได้เหรียญรางวัลในศึกโอลิมปิกเกมส์ ต่อจาก สินธุ์เพชร กรวยทอง ซึ่งเป็นจอมพลังชายไทยคนแรกที่ได้เหรียญโอลิมปิกเกมส์ เมื่อปี 2016 โดยนี่ยังไม่นับรวมเหรียญของ "ก็อต" จตุภูมิ ชินวงค์ ที่จ่อได้รับเหรียญทองแดงย้อนหลัง ในการแข่งขัน รุ่น 77 กก.ชาย เมื่อปี 2016 หลังเจ้าของเหรียญทองในปีดังกล่าว นิยาต ราฮิมอฟ จากคาซัคสถาน ถูกลงโทษจากการละเมิดกฎการป้องกันการใช้สารต้องห้าม โดยเวลานี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการขอรับเหรียญรางวัล และรอประกาศอย่างเป็นทางการ

ขณะเดียวกัน ธีรพงศ์ จะได้รับเงินรางวัลจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เป็นเงินรางวัลอัดฉีดตามกฎเกณฑ์ด้วย โดยสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญเงิน หากรับเงินรางวัลแบบจ่ายครั้งเดียว จะได้ 6,000,000 บาท แต่หากรับแบบแบ่งจ่ายจะได้เงินทั้งหมดรวม 7,200,000 บาท (แบ่งจ่ายโดยรับก่อน 50 เปอร์เซ็นต์ และที่เหลืออีก 50 เปอร์เซ็นต์ จะจ่ายรายเดือนในเวลา 4 ปี)