ด้วยความที่ศึกฟุตบอลชายของ โอลิมปิก เกมส์ เน้นให้แต่ละทีมใช้งานนักเตะอายุไม่เกิน 23 ปีเป็นหลักตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีนักเตะอายุน้อยหลายคนได้โอกาสโชว์ฝีเท้าของตัวเองตามไปด้วย
เมื่อพูดถึงรายการฟุตบอลแล้วนั้น แน่นอนว่าหนึ่งในสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจก็คือ "ดาวซัลโวสูงสุด" ซึ่งวันนี้เราจะมาย้อนดูกันว่าศึก โอลิมปิก เกมส์ 5 ครั้งก่อนหน้านี้นั้นมีใครที่เป็นดาวซัลโวสูดสุงบ้าง
- โตเกียว 2020
ด้วยความที่ทั่วโลกโดนเชื้อโควิด-19 เล่นงาน ทำให้ โอลิมปิก เกมส์ ครั้งนั้นโดนเลื่อนจากปี 2020 ไปแข่งกันในปี 2021 แทน ทำให้กรอบอายุของนักเตะเลื่อนจากไม่เกิน 23 ปี ไปเป็น 24 ปีเป็นการชั่วคราว
ด้วยเหตุนี้ บราซิล เลยสามารถหนีบ ริชาร์ลิซอน ที่ตอนนั้นมีอายุ 24 ปีไปล่าเหรียญทองที่ประเทศญี่ปุ่นได้ และเขาก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นจนทำไป 5 ประตู ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นการทำแฮตทริกได้ในเกมที่ชนะ เยอรมนี 4-2 ในรอบแบ่งกลุ่ม และตอนนี้แข้งวัย 27 ปีก็เล่นอยู่กับ สเปอร์ส ตามที่หลายคนรู้กัน
- ริโอ เดอ จาเนยโร 2016
เยอรมนี ชุดนั้นทำผลงานได้น่าประทับใจจนสามารถกรุยทางไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ ก่อนที่พวกเขาจะไปแพ้ บราซิล ชาติเจ้าภาพที่นำมาโดย เนย์มาร์ ในช่วงดวลจุดโทษจนทำให้ได้เพียงเหรียญเงินกลับบ้าน
ทั้งนี้ แซร์จ นาบรี้ กับ นิลส์ พีเตอร์เซ่น ต่างก็โชว์ฟอร์มให้กับ เยอรมนี ได้สุดยอดจนทำไปคนละ 6 ประตู ทำให้พวกเขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดร่วมกัน โดยตอนนั้น นาบรี้ เป็นนักเตะดาวรุ่งของ อาร์เซน่อล ด้วยวัยเพียง 21 ปี แต่ตอนนี้เจ้าตัวก็เป็นกำลังหลักคนหนึ่งของ บาเยิร์น มิวนิค แล้ว
สำหรับ พีเตอร์เซ่น เขาติดทีมชุดนั้นในฐานะหนึ่งในโควตานักเตะอายุเกินกว่าเกณฑ์ เพราะตอนนั้นเจ้าตัวมีอายุ 27 ปี โดยหลังจากนั้นเขายังเล่นฟุตบอลอีกพักหนึ่ง ก่อนที่อดีตแข้งวัย 35 ปีจะแขวนสตั๊ดไปในปี 2023
- ลอนดอน 2012
ชุดนั้น บราซิล เรียกใช้งานนักเตะชื่อดังหลายคนที่อายุเกินเกณฑ์ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ติอาโก้ ซิลวา, ฮัลค์ และ มาร์เซโล่ แถมยังมีดาวรุ่งเก่งๆ มาติดทีมอีก อย่างเช่น อเล็กซานเดร ปาโต้, ออสการ์, ลูคัส มูร่า และ เนย์มาร์ แต่พวกเขาก็อกหักเมื่อไปแพ้ เม็กซิโก ในนัดชิงเหรียญทองด้วยสกอร์ 1-2
ถึงกระนั้น ในด้านผลงานส่วนตัวนั้น ต้องบอกว่านั่นเป็นรายการที่ เลอันโดร ดามิเยา กองหน้าเลือดแซมบ้าเล่นได้น่าประทับใจ เพราะตอนนั้นในวัย 23 ปี เขาทำได้ถึง 6 ประตูด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม ดามิเยา ก็ยังไม่มีโอกาสได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีมยักษ์ใหญ่ในทวีปยุโรปแบบถาวร โดยตอนนั้นเขาถือเป็นนักเตะของ อินเตอร์นาซิอองนาล ทีมในบ้านเกิด ส่วนทีมที่เขาเล่นให้หลังจากนั้นมีทั้ง ซานโตส (ถาวร), ครูเซยโร่ (ยืมตัว), เรอัล เบติส (ยืมตัว), ฟลาเมงโก้ (ยืมตัว), อินเตอร์นาซิอองนาล (ยืมตัว), คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ (ถาวร และล่าสุดแข้งวัย 35 ปีก็กำลังเล่นให้ คอริตาบา (ถาวร)
- ปักกิ่ง 2008
ครั้งนั้น อิตาลี ภายใต้การคุมทีมของ ปิแอร์ลุยจิ กาซิราจี้ ถูกมองว่าอาจจะมีลุ้นเหรียญรางวัลสักเหรียญหนึ่ง ซึ่งตอนแรกมันก็ทำท่าว่าจะเป็นแบบนั้นเพราะพวกเขาคว้าแชมป์ของกลุ่ม ดี ได้ แต่สุดท้ายไปแพ้ เบลเยียม 2-3 ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ทั้งนี้ จูเซ็ปเป้ รอสซี่ กองหน้าร่างเล็กซึ่งตอนนั้นมีอายุ 21 ปี และเล่นอยู่กับ บียาร์เรอัล คว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดกลับบ้าน ภายหลังทำได้ 4 ประตู ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังเล่นให้ บียาร์เรอัล อีกหลายปี แต่ฟอร์มโดยรวมก็ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นักก่อนที่จะต้องย้ายไปอยูกับหลายสโมสร และแขวนสตั๊ดไปตอนกลางปี 2023
- เอเธนส์ 2004
หลังจากเฝ้ารอมาเนิ่นนาน ทีมฟุตบอลชายของ อาร์เจนตินา ก็ได้เหรียญทองของ โอลิมปิก เกมส์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งครั้งนั้นทีมของกุนซือ มาร์เซโลน่า บิเอลซ่า มีขุมกำลังที่โดดเด่น อย่างเช่น 3 นักเตะอายุเกินเกณฑ์ที่ประกอบไปด้วย โรแบร์โต้ อยาล่า, คิลี่ กอนซาเลซ และ กาเบรียล ไฮน์เซ่ ไปจนถึงคนที่อายุอยู่ในเกณฑ์อย่าง ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า (22 ปี), ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ (22 ปี), คาร์ลอส เตเวซ (20 ปี) และ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (20 ปี)
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ อาร์เจนตินา ชุดนั้นประสบความสำเร็จก็คือความยอดเยี่ยมของ เตเวซ เพราะเขาทำได้ถึง 8 ประตูเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือประตูชัยที่ทำให้ทีมชนะ ปารากวัย 1-0 ในนัดชิงเหรียญทอง โดยตอนนั้น เตเวซ เล่นให้กับ โบคา จูเนียร์ส ก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลหลายคนรู้จักเป็นอย่างดี
- เด็กเกร็ดบอล -