สสส. ชวนฟังเสียงคุณหมอ ทำไมยิ่งดื่ม ถึงยิ่งเสี่ยงอุบัติเหตุ ?
ในช่วงเวลาแห่งความสุขและการเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลปีใหม่หรือวันสำคัญต่าง ๆ ความรื่นเริงมักมาพร้อมกับความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและรอยยิ้มของผู้คนในครอบครัวและเพื่อนฝูง อย่างไรก็ตาม ในความสุขนั้น การดื่มแอลกอฮอล์และการขับขี่ยังคงเป็นภัยเงียบที่แฝงตัวอยู่ และเป็นต้นเหตุสำคัญของความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
เพื่อสร้างความตระหนักถึงปัญหานี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เปิดตัวแคมเปญ “ดื่มไม่ขับ ปีใหม่กลับบ้านปลอดภัยปี 2568” โดยเน้นไปที่แนวคิดสำคัญที่ว่า “ ดื่มแล้วขับอาจเป็นฆาตกร ” การสื่อสารที่สะท้อนถึงความจริงอันเจ็บปวดนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้คนหยุดคิดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเพียงเพราะความประมาทในเสี้ยววินาที เพราะการเฉลิมฉลองควรเป็นช่วงเวลาของความสุข ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมที่จะทำให้คุณหรือใครกลายเป็นผู้ก่อเหตุที่ไม่ตั้งใจ
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการดื่มแอลกอฮอล์ต่อการขับขี่ในเชิงวิชาการที่หลายคนอาจมองข้าม เขาย้ำว่าการดื่มแล้วขับเพียงเสี้ยววินาทีเดียวที่ขับรถ อาจเปลี่ยนการเดินทางกลับบ้านให้เป็นความสูญเสียที่ไม่มีวันลืม
“กลับบ้านปลอดภัย” หมายถึงการเดินทางที่ปราศจากอุบัติเหตุและการสูญเสีย หมอธนะพงศ์อธิบายว่าปัจจุบันหลายคนมองความสะดวกและความรวดเร็วเป็นเป้าหมายสำคัญ แต่ในความเป็นจริง ความปลอดภัยควรมาเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อมุ่งเน้นที่ความเร็ว อันตรายจะตามมา ในฐานะการเป็นหมอเขาอยากให้ทุกคนที่กลับบ้านปีใหม่ในปี 2568 หรือเดินทางไปท่องเที่ยว ได้ไปถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยก่อน
“ปีใหม่เป็นช่วงที่การเฉลิมฉลองมักยาวนาน บางคนดื่มติดต่อกันหลายวันจนเกิด ‘ดื่มมาราธอน’” หมอธนะพงศ์เล่าด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายจะส่งผลกระทบต่อสมอง 2 ส่วนหลัก ๆ คือสมองส่วนหน้าและสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคิดวิเคราะห์และการยับยั้งชั่งใจ ซึ่งการลดประสิทธิภาพของสมองในส่วนนี้จะทำให้ผู้ดื่มกล้าเสี่ยงมากขึ้น เช่น ตัดสินใจขับผ่านสี่แยกทั้งที่ควรหยุดรอ นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังทำให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน หรือที่เรียกว่า ระยะการตอบสนอง (Reaction Time) ช้าลง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการขับขี่
ไม่ว่าจะปีใหม่หรือเทศกาลไหน ๆ อยากให้ทุกคนตระหนักว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่ดื่มแล้วขับเปลี่ยนชีวิตที่กำลังจะมีความสุขให้อันตรายและอาจต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต จากข้อมูลทางวิชาการ หมอธนะพงศ์ จินวงษ์ ได้ขยายความเล่าถึงกลไกที่แอลกอฮอล์มีผลกระทบต่อสมองในสองมิติหลัก ดังนี้ 1.ลดการยับยั้งชั่งใจ เพราะแอลกอฮอล์ทำให้ความสามารถในการประเมินความเสี่ยงลดลง เช่น ในสถานการณ์ที่ต้องรอไฟแดงหรือหักหลบเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง คนเมามักเลือกทางที่เสี่ยงกว่าโดยไม่รู้ตัว 2.เพิ่มระยะเวลาตอบสนอง (Reaction Time) การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เวลาที่สมองต้องประมวลผลและสั่งการล่าช้า ยกตัวอย่าง หากขับรถด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะเวลาตอบสนองที่ช้าลงเพียง 0.5 วินาที อาจเพิ่มระยะการชนไปอีกหลายเมตร ผลลัพธ์คือการชนที่อาจไม่สามารถเลี่ยงได้
“การดื่มทำให้การเดินทางจาก 'กลับบ้านปลอดภัย' กลายเป็น 'กลับไม่ถึงบ้าน' หรือร้ายกว่านั้น อาจทำให้คนอื่นกลับบ้านไม่ได้เลยไปตลอดชีวิต” นพ.ธนะพงศ์กล่าว
“ถ้าคุณดื่ม ระยะการตอบสนอง (Reaction Time) ของคุณจะเพิ่มขึ้น” หมอธนะพงศ์ยกตัวอย่างว่าปกติแล้ว คนที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์จะใช้เวลาประมาณ 1 วินาทีในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ เช่น เห็นคนข้ามถนนแล้วเหยียบเบรก
แต่ถ้าคุณมีแอลกอฮอล์ในเลือดระดับ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ระยะการตอบสนองหรือพฤติกรรมความเสี่ยงระหว่างขับรถจะเพิ่มอีก 0.5-1 วินาที และถ้าดื่มมากกว่านั้น เช่น ระดับ 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อาจเพิ่มเป็น 1.5-2 วินาทีเลยทีเดียว นั่นหมายความว่าการดื่มแล้วขับเพิ่มความเสี่ยงต่อชีวิต ทรัพย์สิน และอาจทำให้คนดื่มเป็นฆาตกรโดยไม่ตั้งใจ ในวันเดินทางกลับบ้านปีใหม่ 2568 ปีนี้ หรือไม่ว่าจะเป็นเทศกาลไหน ๆ ก็ตาม
อย่างการขับรถด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากใช้ระยะการตอบสนอง 1 วินาที รถจะเคลื่อนตัวไปไกลถึง 22 เมตร ก่อนที่จะเหยียบเบรกได้โดยที่ไม่เกิดอุบัติเหตุต่อชีวิตหรือทรัพย์สิน แต่ถ้าดื่มแล้วขับระยะการตอบสนองต่อพฤติกรรมจะเปลี่ยนไป ในทางวิชาการพบว่าจะเพิ่มความเสี่ยงในการขับขี่รถ 2 เท่าตัว หรือมากกว่านั้น หมายความว่าถ้ามีคนยืนอยู่ในระยะ 60 เมตร ถ้าดื่มแล้วขับอาจเบรกหรือหยุดรถไม่ทัน เพราะระยะเบรกจะเพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ประมาณ 40 เมตร แต่ในความเป็นจริงรถอาจเคลื่อนตัวไปไกลถึง 60-70 เมตร หมอธนะพงศ์บอกว่านั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้การเฉลิมฉลองของคนดื่มแล้วขับอาจกลายเป็นความสูญเสียของคนอื่นไปตลอดชีวิต
“ผมอยากให้ทุกคนมองเห็นภาพที่ชัดเจนของความเสี่ยงในการดื่มแล้วขับผ่านข้อมูลที่ให้ไปเพื่อที่ทุกคนจะได้กลับบ้านปลอดภัยในปี 2568”
หมอธนะพงศ์กล่าวทิ้งท้ายว่าปีใหม่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข แต่การตัดสินใจเพียงเล็กน้อย เช่น ขึ้นรถไปทั้งที่รู้ว่าดื่มมา อาจทำลายความสุขนั้นไปตลอดกาล “ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างความหมายใหม่ให้เทศกาลนี้ กลับบ้านอย่างปลอดภัย ไม่ใช่แค่กลับถึงบ้านเร็ว แต่อยากให้ทุกคนได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยจริง ๆ ในทุก ๆ เทศกาลไม่ใช่แค่ปีใหม่เท่านั้น”
แคมเปญ ‘ปีใหม่กลับบ้านปลอดภัย 2568’ โดย สสส. จึงเกิดขึ้นเพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญของการลดพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลใหญ่ที่เต็มไปด้วยการเฉลิมฉลอง หวังว่าปีใหม่นี้ทุกคนจะกลับบ้านไปหาคนที่รักอย่างปลอดภัย และเติมเต็มความสุขในแบบที่ไม่มีความสูญเสียร่วมอยู่ในนั้น
ชวนรับชมโฆษณาชุด “ฝังใจ”
https://www.youtube.com/watch?v=LsherBo9DVo
รวมทั้ง ติดตามข้อมูลความรู้ดีๆ เกี่ยวกับแคมเปญ :
https://creativehealthcampaign.thaihealth.or.th/microsite/icanchange/Accident/ดื่มไม่ขับ
และอย่าลืมส่งต่อเรื่องราวนี้ให้คนที่คุณรัก เพราะทุกเสี้ยววินาที…อาจเปลี่ยนชีวิตใครบางคนไปตลอดกาล ถ้าดื่มแล้วขับรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์