สำหรับคนที่นิยมเริ่มต้นทุกเทศกาลด้วยบรรยากาศเฉลิมฉลอง และยึดคติประจำใจที่ว่า “แก้วสองแก้วจะเป็นไรไป เมาที่ไหนแค่กรึ่มๆ”
แต่ “ดื่มสนุก ทุกข์ถนัด” ก็ยังเป็นบทสรุปที่มาคู่กันด้วยในทุกครั้ง เพราะเมื่อแอลกอฮอล์ถูกดูดซึมเข้าร่างกาย จะเริ่มส่งผลเสียโดยตรงต่อระบบประสาทและสมองทุกส่วน ส่งผลให้
มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม ความสามารถในการประมวลผล และการตัดสินใจลดลง
● การรับรู้ตำแหน่งแย่ลง จับต้องวัตถุไม่แม่นยำ
● การรับรู้ภาพแย่ลง ตาพร่ามัวมองเห็นไม่ชัด
● เกิดอาการหลงลืม จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
● การทรงตัวและการเคลื่อนไหวของร่างกายแย่ลง ทำให้ยืนไม่ตรง เดินเซ ถือของไม่ไหว
● ร่างกายมีการตอบสนองช้าลง
และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ เมื่อวันหยุดยาวสิ้นสุดลง โดยทั่วไปก็มักจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่เริ่มมีอาการผิดปกติ ตั้งแต่ความรู้สึกอ่อนเพลีย เศร้าซึม นอนไม่หลับ หมดแรงใจจะไปทำงาน เหมือนที่บางคนชอบโพสต์ตัดพ้อประมาณว่า “เกลียดวันจันทร์” ทางการแพทย์ระบุว่านี่เป็นสัญญาณของภาวะ Post-Vacation Blues หรือ Post-travel depression (PTD) หรือ “อาการโหยหาความสุขหลังหยุดยาว” เพราะเมื่อเข้าสู่วันแห่งการทำงาน ต้องรับมือกับเพื่อนร่วมงาน ปัญหาเศรษฐกิจ ภาระครอบครัว ฯลฯ ทำให้ฮอร์โมนแห่งความสุข (เอ็นโดรฟิน) ในร่างกายลดระดับลงอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเทศกาลที่มีสภาพแวดล้อมเอื้อให้มีการดื่มติดต่อกันหลายวัน แอลกอฮอล์จึงเป็นสาเหตุหลักของการกระตุ้นให้ความผิดปกติทางอารมณ์และความเจ็บป่วยทางจิตเวช มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนล้าอย่างต่อเนื่อง อาการซึมเศร้า วิตกกังวล อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย แปรปรวน ขาดเหตุผล ก้าวร้าวเมื่อถูกขัดขวาง ความภาคภูมิใจต่ำ สิ้นหวัง สงสารตัวเอง ขาดความนับถือตนเอง บางรายมีการตัดสินใจที่แย่ลง เกิดความรู้สึกหุนหันพลันแล่นจนลงมือทำร้ายตนเอง บางรายมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีอาการผิดปกติอื่นๆ ที่จะปรากฏให้เห็นมากน้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดื่ม และต้นทุนสุขภาพเดิมของนักดื่มแต่ละราย ไม่ว่าจะเป็น
● ปลายประสาทอักเสบ อาการชาปลายมือปลายเท้า
● ความจำเสื่อม ความคิดเลอะเลือน ความบกพร่องทางระบบประสาทและการรับรู้
● ขนาดของสมองเล็กลง สูญเสียความทรงจำ
● การเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพ บางรายมีอาการเศร้าซึม ไปจนถึงขั้นประสาทหลอน รวมทั้งอาการหวาดระแวงว่าจะมีคนมาทำอันตราย
● เลือดออกในทางเดินอาหาร เส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ถ่ายเป็นเลือด ถ้าเยื่อบุหลอดอาหารฉีกขาด ทำให้อาเจียนเป็นเลือด
● เลือดออกง่ายหยุดยาก ถ้าประสบอุบัติเหตุ เลือดจะออกมาก หยุดช้า ผ่าตัดยาก ห้ามเลือดยาก
● แอลกอฮอล์สามารถทำให้เส้นเลือดในโพรงจมูกขยายตัว หรืออาจเกิดเลือดกำเดาไหลในตอนกลางคืน เนื่องจากแอลกอฮอล์ไปขัดขวางกิจกรรมของเกล็ดเลือด
● ทำให้ระบบหลอดเลือดหัวใจอักเสบ เสื่อมสภาพ เกิดการอุดตัน หรือเปราะแตก เสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (สโตรก) ได้มากกว่าคนที่ไม่ดื่ม
● ทำให้หน้าที่ในการผลิตสารที่ทำให้เลือดแข็งตัวของตับทำงานได้น้อยลง ส่งผลให้เกล็ดเลือดน้อยลง เกิดภาวะความดันโลหิตสูงขณะดื่ม หากเส้นเลือดรับแรงดันไม่ได้จะทำให้เส้นเลือดในสมองแตก เพิ่มความเสี่ยงในการพิการและเสียชีวิต
● แอลกอฮอล์รบกวนกระบวนการสร้างเม็ดเลือด ผู้ติดแอลกอฮอล์จะมีจำนวนเกล็ดเลือดลดลง
● สตรีที่มีพฤติกรรมการดื่มติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ ของเหลวและเลือดประจำเดือนข้น มดลูกต้องบีบตัวแรงขึ้นในการขับเลือดออกจากร่างกาย
● คนที่ฉลองหนักจนได้รับปริมาณแอลกอฮอล์ในระดับ 400-799 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ การดื่มหนัก ดื่มไม่พักภายในเวลาอันสั้น ทำให้ร่างกายขับออกไม่ทัน เสี่ยงต่อภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ (alcohol intoxication) มีโอกาสหยุดหายใจและเสียชีวิต
ทั้งหมดนี้คือความจริงสุดโหด ที่ซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มของคนที่พูดว่า “แค่กรึ่มๆ”
และเพื่อให้ทุกคนมีแนวทางการขับขี่อย่างปลอดภัย ในช่วงเทศกาลแห่งความสุข อย่าลืม! ดาวน์โหลดคู่มือ #Saveสมองจากอุบัติเหตุการขับขี่ โหลดฟรีและอ่านเวอร์ชันออนไลน์ได้ คลิกเลย
กดติดตามข้อมูลข่าวสาร แคมเปญที่น่าสนใจ และกิจกรรมดีๆ จาก สสส. เพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook : Social Marketing Thaihealth by สสส.
Line : @thaihealththailand
Tiktok: @thaihealth
Youtube: SocialMarketingTH
Website : Social Marketing การตลาดเพื่อสังคม