จาก "โคโค่" (KOKO) ร้านอาหารไทยเล็ก ๆ ระดับตำนาน ที่อยู่คู่สยามสแควร์มากว่า 27 ปี ตั้งแต่ปี 1996 สู่การรีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ ปรับโฉมเป็น "โกโก้" (KOKO) ขยายฐานลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารไทย อาหารอีสานรสแซ่บ อาหารใต้รสจัดจ้าน ครีเอทใหม่อีกกว่าร้อยเมนู การันตีความอร่อยระดับพรีเมียม ถูกปากคนไทย และถูกใจคนทั่วโลก
โดย ก้อง-ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ที่สั่งสมประสบการณ์จากพี่สาว คุณแนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ เจ้าของร้านอาหารเครือ "รวยไม่หยุด" อย่าง nice two Meat u, Fire Tiger, Mil Toast, Dalmatian by Mamma Mia, Juicy Bunny, Sundububu ฯลฯ จนเป็นแรงบันดาลใจในการก้าวสู่ธุรกิจร้านอาหาร ต่อยอดความอร่อยครั้งใหม่ พร้อมเสิร์ฟให้ทุกคนได้ลิ้มลองแล้ววันนี้
คุณ ก้อง-ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์ เล่าว่า "จุดเริ่มต้นของ KOKO มาจากคำว่า โคโคนัท เป็นร้านขายเบเกอรี่มาก่อน จนได้ออกเมนูใหม่มาเรื่อย ๆ จนมีเมนูอาหารคาว และเปิดเป็นร้านอาหารที่สยามมายาวนานถึง 27 ปี แต่ช่วงหลัง ๆ ไม่มีคนสานต่อกิจการตรงนี้ ซึ่งผมเป็นคนชอบทานอาหารไทย และเห็นโอกาสของร้านอาหารไทยในสยาม ว่าคนไปจับธุรกิจ Cuisine ในรูปแบบอื่นเยอะ จนมองข้ามไปว่าอาหารไทยเป็นสิ่งที่เราเติบโตมา ทานได้เรื่อย ๆ ไม่เบื่อ เป็นคอมฟอร์ตฟู้ด (Comfort Food) อาหารจานโปรดที่เป็นความสุขเล็ก ๆ ของทุกคน จึงได้ตัดสินใจทุ่มทุนกว่า 8 หลัก รีแบรนด์สู่ "โกโก้" จากที่ทางร้านเคยเน้นเมนูอาหารมังสวิรัติ และอาหารจานเดียว เราก็ได้รังสรรค์เมนูเด็ด เมนูใหม่ที่ครอบคลุมอาหารไทยในแต่ละภาค รวมไปถึงอาหารอีสาน และอาหารปักษ์ใต้ที่หาทานได้ยาก ด้วยวัตถุดิบพรีเมียม รสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทยมากขึ้น ในสไตล์แชร์ริ่งคอนเซ็ปต์ เพื่อให้ทุกคนได้ใช้เวลาระหว่างมื้ออาหารด้วยกัน โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ช่วงอายุ 25-35 ปี ครอบครัว และชาวต่างชาติ ซึ่งในอนาคตนอกจากสยามสแควร์แล้ว เรายังตั้งใจขยายสาขา Landlord ในประเทศ เริ่มจากในกรุงเทพฯ โดยตั้งเป้าว่าจะทำรายได้ประมาณ 9 หลัก ในปี 2567"
เมนูของ KOKO แบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก ๆ คือ ออริจินัล เลิฟ (Original Love) เมนูฮิตดั้งเดิมของทางร้านที่ต้องสั่งเกือบทุกโต๊ะ อย่าง กุ้งพริกขี้หนู เห็ดนางฟ้าสามรส ก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณ ฯลฯ เติมเต็มความอร่อยด้วยวัตถุดิบสุดพรีเมียม , นิว เลิฟ (New Love) เมนูใหม่สุดพิเศษกว่าอีกร้อยเมนู ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ใส่ลูกเล่นรสชาติไทย ๆ เพิ่มเข้าไปได้อย่างลงตัว และ อินเตอร์เนชั่นแนล เลิฟ (International Love) เมนูอาหารไทยที่อยู่ในใจคนทั่วโลก ความอร่อยที่อยากให้นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติได้ลิ้มลองกับอีกหนึ่ง ฟู้ด เดสติเนชั่น ของเมืองไทย
สำหรับเมนูจานเด็ดของ "KOKO" เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย (Appetizer) อย่าง "เผือกทอด" เมนูสตรีทฟู้ด ง่าย ๆ ที่บ่งบอกความเป็นไทย นำมาปรับจนเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน ให้สัมผัสกรอบนอกนุ่มใน ได้รสเผือกเต็มคำ ทานคู่กับน้ำจิ้มถั่วลิสง รสชาติเปรี้ยวหวานจัดจ้าน อร่อยลงตัว และ "เต้าหู้ทอด" เต้าหู้ขาวโฮมเมดทุกขั้นตอน ชุบเกล็ดขนมปังทอดจนกรอบนอก ส่วนด้านในนุ่มเหมือนเนื้อคัสตาร์ด ทานคู่กับ ซอสสไปร์ซี่เต้าเจี้ยว กินเพลินสุด ๆ
อีกหนึ่งเมนูไฮไลท์ ต้องยกให้ แกงทุเรียนทองคำ (Golden Durian Curry) น้ำแกงรสชาติกลมกล่อม อร่อยหอมเปรี้ยวเค็มลงตัว กับเนื้อทุเรียนดิบที่คัดเฉพาะ ไม่สุก ไม่เละ ให้ความรู้สึกนุ่มคล้ายมันฝรั่ง แต่ละมุนลิ้นมากกว่า ทานร้อน ๆ คู่กับข้าว หอม หนึบ นิ่ม ที่มีให้เลือกถึง 4 แบบ ทั้ง ข้าวสวย ข้าวกล้อง ข้าวธัญพืช และข้าวผักกาดดอง
มาเอาใจนักชิมสายแซ่บกันบ้าง กับเมนู "ส้มตำเส้นข้าวเปียก" หรือ "ตำเส้นนครพนม" ราชินีแห่งความแซ่บสไตล์อีสานดั้งเดิม อร่อยนัวครบเครื่องด้วย เส้นข้าวเปียกหนึบ ๆ ตำเข้ากับเส้นมะละกอ มะกอกป่า หมูยอนครพนมแท้ รสชาติกลมกล่อมไม่ผสมแป้ง คลุกเคล้ากับพริกแห้งร้อนแรงจัดจ้าน และพริกขี้หนูสดให้รสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว
เป็นอีกหนึ่งจานที่อยากให้ลอง "แครอทกับถั่วฝักยาวทอด" เสิร์ฟพร้อมกับ "หลนปู" ที่ได้นำแครอทกับถั่วฝักยาวมาทอดกรอบในรูปแบบแท่งสติ๊ก รับประทานง่าย กับอาหารไทยโบราณประเภทเครื่อง ที่ใช้เนื้อปูก้อนกับเครื่องหลนสมุนไพรละมุน หอมมันด้วยกะทิสด ยิ่งจิ้มยิ่งฟิน
ต่อกันที่ "เมี่ยงปลาทอด" เนื้อปลาตัวใหญ่ ๆ คัดพิเศษมีให้เลือกตามฤดูกาล ทอดให้สุกกรอบกำลังดี ทานคู่กับเครื่องเคียง ผักสด และสมุนไพรต่าง ๆ มาพร้อมกับลูกเล่นสนุก ๆ ด้วย ดิปปิ้งซอสหลากรส จิ้มอร่อยจนไม่อยากวางมือเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยเมนู "ไข่เจียวปูก้อน" ไข่ฟู ๆ กรรเชียงปูก้อนแน่น ๆ การันตีความสดส่งตรงจากทะเล ทอดจนเหลืองอร่าม กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ตัดเป็นชิ้นพอดีคำ อร่อยไม่ธรรมดา