ฮอนด้า โดย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด ผนึกกำลังจัดแสดงไลน์อัปทุกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ฮอนด้าในประเทศไทย ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์อเนกประสงค์ พร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนใหม่ ในงาน Motor Show 2024 ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยภายในบูทมีการแบ่งโซนจัดแสดงตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ของฮอนด้าเพื่อความสะดวกในการเข้าชม โดยสามารถเข้าชมและสัมผัสประสบการณ์ได้ที่บูทฮอนด้า (A23) ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 โดยมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับภายในงานฯ และโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจและสนับสนุนรถยนต์กลุ่ม e:HEV ทำให้ฮอนด้าสามารถครองอันดับ 1 ในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับการใช้งานจริงในปัจจุบัน ด้วยการผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดน้ำมันและด้วยการเติมน้ำมันหนึ่งถังก็สามารถขับไปได้ในระยะทางที่ไกลกว่า มีให้เลือกในหลากหลายเซกเมนต์ จากความสำเร็จของยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ที่ผ่านมา ในวันนี้ฮอนด้าพร้อมที่จะได้นำเสนออีกหนึ่งก้าวสำคัญในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ด้วยการแนะนำ Honda e:N1 ยนตรกรรมไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของฮอนด้าที่ผลิตในประเทศไทย ที่พร้อมให้ทุกท่านได้สัมผัสได้อย่างไร้กังวลด้วยการเช่าใช้ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ”
สำหรับบูทฮอนด้า มีการแบ่งโซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อาทิ
Product Zone มีการจัดแสดงยนตรกรรมในหลากหลายเซกเมนต์ ที่ครอบคลุมทุกไลน์อัปของระบบส่งกำลัง นำโดย
ไลน์อัปยนตรกรรมไฟฟ้า 100%
- ฮอนด้า อี:เอ็น 1 (Honda e:N1) ยนตรกรรมเอสยูวีไฟฟ้า 100% รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจด้วยแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ส่งผลให้สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้าด้วยโลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์พรีเมียมมินิมอล ผสมผสานกับการตกแต่งภายในระดับพรีเมียม ห้องโดยสารกว้างสะดวกสบายพร้อมไฟสร้างบรรยากาศภายในสีฟ้า ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายในแบบยนตรกรรมเอสยูวี โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) รวมถึงเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยอันล้ำสมัยที่ครบครัน พร้อมเปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การขับเคลื่อนขุมพลังไฟฟ้า 100% ด้วยการเช่าใช้ ผ่านบริษัทรถเช่า ชั้นนำ
ไลน์อัปยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV
- กลุ่ม SUV นำโดย ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี ยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวี โดยล่าสุดได้รับรางวัล รถยอดเยี่ยมประเภทไฮบริดเอสยูวีขนาดกลาง ในงาน Car of the Year 2024 มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อน Full Hybrid ที่ แรง ทรงพลัง และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร (รุ่น e:HEV ES) ครบครันด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยระดับพรีเมียมพร้อมเติมเต็มทุกความอเนกประสงค์และตอบโจทย์การใช้ชีวิตทั้งไลฟ์สไตล์ในเมืองและนอกเมืองอย่างลงตัว ในราคาเริ่มต้นที่ 1,589,000 บาท (รุ่น e:HEV ES)
- กลุ่ม City Car นำโดย ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่ ซิตี้คาร์ยอดนิยม ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัล
รถยอดเยี่ยมประเภทไฮบริดซีดาน เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี ในงาน Car of the Year 2024 ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ขับสนุก แรง เร้าใจ และประหยัดน้ำมันสูงสุด 27.8 กิโลเมตร/ลิตร มอบความคุ้มค่าด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันครบครัน ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 769,000 บาท (รุ่น e:HEV SV) พร้อมด้วย ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ อีกหนึ่งทางเลือกของรถซิตี้คาร์แบบ 5 ประตู มอบความคุ้มค่าด้วยเอกลักษณ์ด้านความอเนกประสงค์ที่ลูกค้าชื่นชอบ ให้ลูกค้าสัมผัสกับเทคโนโลยี e:HEV จากฮอนด้าได้ง่ายขึ้น ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 729,000 บาท (รุ่น e:HEV SV)
ไลน์อัปยนตรกรรมเทอร์โบ
- ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ (Civic Type R) ที่สุดแห่งยนตรกรรมความสปอร์ตระดับตำนาน สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความท้าทาย แรง เร้าใจ ด้วยเครื่องยนต์ Direct Injection DOHC VTEC TURBO ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ได้รับการพัฒนามาสำหรับ ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ โดยเฉพาะ มอบกำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด สัมผัสความรู้สึกของอัตราเร่งได้ทันที และให้อัตราเร่งต่อเนื่องไปจนถึงช่วงความเร็วรอบสูงเติมความสนุกในทุกสถานการณ์การขับขี่ มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING และเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อันล้ำสมัยอื่นๆ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) สีแดงแรลลี่ สีขาวแชมเปียนชิป และสีน้ำเงินเรซซิง (มุก) พร้อมจำหน่ายในราคา 3,990,000 บาท
Mobility Zone โซนจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีเพื่อการขับเคลื่อนแห่งอนาคตที่สร้างสรรค์ (Create) ขึ้นมาเพื่อพาผู้คน “ก้าวข้าม (Transcend) ขีดจำกัดต่าง ๆ เช่น เวลาและสถานที่” และ “เพิ่มพูน (Augment) ศักยภาพและโอกาสของพวกเขา” โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดง ประกอบด้วย
ผลิตภัณฑ์ที่พาผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่
- Motocompacto สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด ด้วยน้ำหนักเพียง 18.73 กิโลกรัม ทำให้สามารถพับเก็บและพกพาได้ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานด้วยฟังก์ชันการเชื่อมต่อของ Motocompacto ที่ช่วยคาดการณ์การใช้พลังงานของแบตเตอรี่จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายปลายทางได้ ลดความกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดขณะเดินทาง ช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่ แม้ว่าตัวรถจะมีน้ำหนักเบาและกะทัดรัด แต่ Motocompacto ก็สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 12 ไมล์ (ระยะทางประมาณ 19 กม.) เมื่อชาร์จเต็ม และสามารถทำความเร็วสูงสุด 15 ไมล์ต่อชั่วโมง (24 กม./ชม.)
ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มพูนศักยภาพและโอกาสของผู้คน
- UNI-ONE อุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนบุคคลแบบแฮนด์ฟรี ที่ผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้ง่าย ๆ โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำหนักตัวขณะนั่งโดยไม่ต้องใช้มือ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัยหุ่นยนต์ของฮอนด้า และระบบล้อขับเคลื่อน Omni Traction Drive ของฮอนด้า ซึ่งเป็นกลไกของฮอนด้าที่ช่วยให้สามารถเคลื่อนที่ได้รอบทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผู้ใช้งานสามารถบังคับทิศทางได้อย่างสะดวกง่ายดาย เพียงโน้มตัวในขณะนั่ง และเคลื่อนตัวราวกับว่ากำลังเดิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวสามารถขยับและเคลื่อนที่ได้
โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมข้อเสนอพิเศษกับ ‘ฮอนด้าโปรตามใจ’ ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0% พร้อม ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ (Honda Exclusive Care) หรือทางเลือก ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ดาวน์เริ่มต้นน้อย ผ่อนต่อเดือนต่ำ เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นสำหรับรุ่น e:HEV ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง สำหรับลูกค้าที่จองตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 - 8 เมษายน 2567 และรับรถตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 - 30 เมษายน 2567
ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูทฮอนด้า (A23) ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 พร้อมพบกับข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับภายในงานฯ