ฮอนด้า ปรับโฉม “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่” พร้อมเพิ่มรุ่นย่อย e:HEV SV

ฮอนด้า ปรับโฉม “ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่” พร้อมเพิ่มรุ่นย่อย e:HEV SV
ฮอนด้า เปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ทั้งรุ่นระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่เข้าถึงง่ายขึ้นด้วยราคาใหม่ รุ่น e:HEV RS 799,000 บาท และเพิ่มรุ่นย่อย e:HEV SV ราคา 729,000 บาท พร้อมด้วยรุ่นขุมพลัง VTEC TURBO ที่เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและอัปเกรดความปลอดภัยอีกขั้นกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ด้วยราคา 599,000 – 749,000 บาท พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษ เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 – 30 เมษายน 2567 นี้

ดีไซน์ภายนอกของ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ปรับโฉมสปอร์ตใหม่รอบคัน โดดเด่นปราดเปรียวในสไตล์รถแฮทช์แบ็ก ภายในห้องโดยสารกว้างสบาย มาพร้อมเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR Seat) อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ที่สามารถปรับพับเพิ่มสเปซการใช้งานได้ดั่งใจ พร้อมเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch ที่เพิ่มการรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย* และใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง* อีกทั้งหลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย ขับเคลื่อนสู่ทุกเส้นทางอย่างทรงพลังกับ 2 ขุมพลัง ทั้งระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์ E-CVT และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองดั่งใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมยิ่งขึ้นที่ 27.8 กม./ลิตร และขุมพลัง VTEC TURBO 1.0 ลิตร ขับสนุกทุกอัตราเร่งด้วยกำลังสูงสุด 122 แรงม้า พิเศษกับสีภายนอกน้ำเงิน บริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำแบบ Two-tone ใหม่ เฉพาะรุ่น e:HEV RS และ e:HEV SV พร้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป


นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า ซิตี้ นับเป็นรถยนต์รุ่นยอดนิยมของฮอนด้า โดย ซิตี้ แฮทช์แบ็ก เป็นยนตรกรรมภายใต้ไลน์อัป City Series ที่เป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มคนที่ชอบซิตี้คาร์ในสไตล์รถแฮทช์แบ็ก 5 ประตู โดยเป็นรถที่ครองใจลูกค้าด้วยจุดเด่นทั้งด้านดีไซน์ ความสะดวกสบาย และเบาะนั่งอัลตราซีทอันเป็นเอกลักษณ์ด้านความอเนกประสงค์ของฮอนด้าที่ลูกค้าชื่นชอบ มาพร้อมขุมพลัง VTEC TURBO ที่ขับสนุกตอบสนองไลฟ์สไตล์ในทุกวัน และระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่เป็นรถที่เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันและชีวิตประจำวัน ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นจากการผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้า และมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และในวันนี้เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสกับเทคโนโลยี e:HEV จากฮอนด้าได้ง่ายขึ้น ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มาพร้อมราคาพิเศษ ทั้งรุ่น e:HEV RS 799,000 บาท และเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ e:HEV SV ราคา 729,000 บาท และรุ่นเทอร์โบ เพิ่มเติมฟังก์ชันพร้อมอัปเกรดความปลอดภัยกับ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ด้วยราคา 599,000 – 749,000 บาท”


ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ มีให้เลือก 2 ขุมพลังขับเคลื่อน รวม 5 รุ่นย่อย แบ่งเป็น


รุ่นขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย 

- รุ่น e:HEV RS ราคา 799,000 บาท

- รุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท


รุ่นขุมพลัง VTEC TURBO มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย 

- รุ่น RS ราคา 749,000 บาท

- รุ่น SV  ราคา 679,000 บาท

- รุ่น S+  ราคา 599,000 บาท


สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่

- สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) (Brilliant Sporty Blue Metallic) ที่มาพร้อมหลังคาสีดำทูโทน (Two-tone) ใหม่! (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) 

- สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (Ignite Red Metallic) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS) 

- สีขาวแพลทินัม (มุก) (Platinum White Pearl) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) 

- สีดำคริสตัล (มุก) (Crystal Black Pearl)

- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) (Meteoroid Gray Metallic)

- สีเทาโซนิค (มุก) (Sonic Gray Pearl)

- สีขาวทาฟเฟต้า (Taffeta White) (เฉพาะรุ่น S+)


ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ พร้อมพาคุณไปในทุกเส้นทางได้อย่างที่เป็นคุณ เป็นทุกอย่างที่อยากให้เป็น… Move It Your Wayได้รับการพัฒนาขึ้นอีกขั้น สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ภายนอกใหม่รอบคัน กับกระจังหน้า กันชนหน้าและกันชนหลัง และล้ออัลลอยในดีไซน์ใหม่ เสริมลุคสปอร์ตเท่เต็มขั้นกับรุ่น RS และ e:HEV RS ที่มาพร้อมกระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ สปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ตแบบ RS และเพิ่มสเกิร์ตข้างใหม่ อีกทั้งไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ดีไซน์ใหม่ ห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR) ที่สามารถปรับพับเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลายให้ตอบรับทุกการใช้งาน อีกทั้งเพิ่มเติมฟังก์ชันการใช้งาน อาทิ ใหม่! ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย* ที่ได้พัฒนาการแสดงผลสีของหน้าจอให้คมชัดยิ่งขึ้น พร้อมปรับโฉม Interface ใหม่ ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง*  ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง*  ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) มาพร้อม 2 ขุมพลังการขับเคลื่อนที่ขับสนุก ทรงพลัง และยังประหยัดน้ำมัน ตอบโจทย์การขับขี่ทุกเส้นทางในชีวิตประจำวัน มั่นใจในทุกการเดินทางกับ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ที่มาพร้อมฟังก์ชันใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) และเพิ่มระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ* (with Low-Speed Follow: with LSF) มีเฉพาะในรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS ครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)* ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) ถุงลม 6 ตำแหน่ง* กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ* (Multi-Angle Rearview Camera) ที่มีการพัฒนาคุณภาพของกล้องให้มีความละเอียดสูงขึ้น เป็นต้น


ดีไซน์ใหม่ อัปลุคสปอร์ตขึ้นอีกขั้น สะดวกสบายไปกับห้องโดยสารกว้างขวาง

- การออกแบบภายนอก โดดเด่นโฉบเฉี่ยวสไตล์รถสปอร์ตแฮทช์แบ็ก 

- ใหม่ กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่

- ใหม่ กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV)

- ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV) พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED

- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ

- โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และโลโก้ e:HEV ที่ด้านท้าย เอกลักษณ์เฉพาะรถ e:HEV ของฮอนด้า (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

- มือจับเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ

- กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)

- ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV)

- เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ (รุ่น S+, SV และ e:HEV SV)

- ใหม่ ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 15 นิ้ว (รุ่น S+) ขนาด 15 นิ้วแบบทูโทน (รุ่น SV) และแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV)

- การออกแบบภายใน กว้างขวาง โปร่งโล่ง มอบความสะดวกสบายตลอดการเดินทาง 

- ใหม่ วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยแถบสีเทา (รุ่น SV และ e:HEV SV) 

- วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีดำ Piano Black 

- มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)

พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์ในแบบของตัวเองด้วยเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR) แยกพับ 60:40 ที่สามารถปรับพับเพื่อเพิ่มสเปซการใช้งานอเนกประสงค์ได้ดั่งใจ โดยปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่


- Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับเรียบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง

- Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว

- Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง

- Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด


เสริมสปิริตความสปอร์ตขึ้นอีกขั้น ด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน ในรุ่น RS และ รุ่น e:HEV RS

- ใหม่ กระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ตแบบ RS

- ใหม่ กันชนหน้าและกันชนหลังดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ตแบบ RS 

- ใหม่ เพิ่มสเกิร์ตข้าง สไตล์สปอร์ตแบบ RS

- สปอยเลอร์หลังสไตล์สปอร์ตแบบ RS

- ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED

- ใหม่ ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ดีไซน์สปอร์ตใหม่

- ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา 

- เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำเงา

- ใหม่ ล้ออัลลอยสีดำแบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่

- ใหม่ วัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์ตกแต่งด้วยแถบสีแดง


มูฟไปข้างหน้าอย่างมีพลังในทุกเส้นทาง กับ 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน

- ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ทรงพลัง ตอบโจทย์ในทุกเส้นทางด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันกับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน มอบการตอบสนองได้ดั่งใจตั้งแต่ออกตัวกับแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 3,000 รอบต่อนาที และประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมยิ่งขึ้นที่ 27.8 กม./ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร และรองรับน้ำมัน E20 ทั้งนี้ ระบบฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสมและสถานการณ์การขับขี่ ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) 

- พร้อมเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ e:HEV SV เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่เทคโนโลยี

ฟูลไฮบริดจากฮอนด้าในรถซิตี้คาร์ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

- ขุมพลัง TURBO กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว ที่มาพร้อม Turbocharger ขับสนุกทุกเส้นทาง มอบอัตราเร่งแรงเร้าใจได้ตามคิดด้วยกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) อีกทั้งประหยัดน้ำมันเกินคาดด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่สูงถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และรองรับน้ำมัน E20


มั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบครัน รองรับทุกการขับขี่ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ประกอบไปด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้

- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) 

- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW) 

- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) 

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น S+, SV และ RS) 

พร้อม ใหม่ ระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

- ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN) 

พร้อมด้วยเทคโนโลยีด้านการขับขี่และความปลอดภัยที่ครบครัน 

- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) (รุ่น e:HEV RS)

- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) ที่มีการพัฒนาคุณภาพของกล้องให้มีความละเอียดสูงขึ้น

- ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

- ระบบ Auto Brake Hold (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

- ถุงลมคู่หน้า

- ถุงลมด้านข้างคู่หน้า

- ม่านถุงลมด้านข้าง (รุ่น RS และ e:HEV RS)

- ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)

- ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)

- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)

- ระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาพร้อมระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า

- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)

- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ

- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง

- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

- ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)

- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)

- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) 

- ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) 

- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)


หลากหลายเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและฟังก์ชันล้ำสมัยเชื่อมต่อรถกับผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว 

- ใหม่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) ที่ได้พัฒนาการแสดงผลสีของหน้าจอให้คมชัดยิ่งขึ้น พร้อมปรับโฉม Interface ใหม่ ให้ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น 

- ใหม่ ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) 

- ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS) และด้านหน้า 1 ตำแหน่ง (รุ่น S+)

- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth

- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

- พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง

- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) (รุ่น RS)

- ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

- ปุ่ม ECON

- ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น RS และ e:HEV RS)

- กระจกมองหลังแบบตัดแสง

- แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รุ่น RS และ e:HEV RS)

- ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร

- ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย

- พนักเท้าแขนด้านหน้า (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)

- พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว (รุ่น RS และ e:HEV RS)

- ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับและหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของขนาดเล็ก (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)

- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)

- ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)

- ยกระดับชีวิตให้สมาร์ตขึ้นไปอีกขั้นกับ ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ (รุ่น RS และ e:HEV RS) ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ที่ประกอบด้วย 8 ฟังก์ชันล้ำสมัยเชื่อมต่อและรองรับทุกการใช้งานของทุกไลฟ์สไตล์ 


1. My Service 

2. Car Log 

3. WiFi 

4. Airbag Deployment

5. Car Status

6. Remote Vehicle Control

7. Geo Fence & Speed Alertย

8. Find My Car 


ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง

เสริมความโดดเด่นสไตล์สปอร์ตอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด “More Enhanced Sporty” โดยมีหลากหลายไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น ชุดโลโก้สีดำ หน้า-หลัง ราคา 1,200 บาท  คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,700 บาท  ชุดป้องกันรอยบริเวณที่เปิดประตู ราคา 1,100 บาท  ชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง ราคา 5,500 บาท  ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว* ราคา 3,900  บาท  ปลอกท่อไอเสีย (สำหรับรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS) ราคา 1,275 บาท  ม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง ราคา 2,400 บาท และแผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง ราคา 1,700 บาท 

นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจ ทั้งหมด 2 แพ็กเกจ ได้แก่ 

- Black Package ราคา 16,000 บาท ประกอบด้วยล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว และชุดโลโก้สีดำ หน้า-หลัง 

- Modulo Aero Sport Package ราคา 23,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และชุดตกแต่งสปอยเลอร์หลัง


สามารถสัมผัสและทดลองขับ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลจากที่ปรึกษาการขายทั่วประเทศ หรือแชตกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดทาง www.honda.co.th/cityhatchback โดยลูกค้าที่ลงทะเบียนและร่วมกิจกรรมทดลองขับผ่าน www.honda.co.th/testdrive ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ถึง 30 เมษายน 2567 จะได้รับฟรี Happy Puffy Bag มูลค่า 250 บาท





ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport