ไทยลีก 3 ซีซั่น 2023-24 เดินทางมาสู่สัปดาห์สุดท้ายของการแข่งขัน แม้ทาง บางกอก เอฟซี และ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด จะคว้าตั๋วเลื่อนชั้นแน่นอนแล้ว แต่ยังเหลืออีก 1 ทีม เท่านั้นที่จะได้ไปเฉิดฉายในเวทีอีกระดับ ซึ่งแน่นอนว่ายังมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้คอลูกหนังได้ติดตามกัน และนี่คือ 4 เหตุผลห้ามพลาด แมตช์เดย์ ชี้ชะตาที่ 'SIAMSPORT' อยากให้คุณได้อ่านกัน!!
[ 1 ] บางกอก กับแชมเปี้ยนที่รอคอย
ในห้วง 3-4 ฤดูกาลหลังสุด บางกอก เอฟซี คือสโมสรที่สร้างมาตรฐานของตัวเองไว้ได้สูงลิ่ว เพราะนับตั้งแต่ซีซั่น 2020-21 เป็นต้นมา พวกเขาไม่เคยจบต่ำกว่าอันดับ 3 ของโซนกรุงเทพและปริมณฑลเลยสักครั้ง
โซนกรุงเทพและปริมณฑลนั้นอุดมไปด้วยทีมที่แข็งแกร่งมากมาย ไล่ตั้งแต่ มหาวิทยาลัยนอร์ธกรุงเทพ ที่ครองความเป็นหนึ่งมาแสนนาน, สมุทรสาคร ซิตี้, ธนบุรี ยูไนเต็ด หรือ พราม แบงค็อก อดีตต้นสังกัดของ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ศูนย์หน้าทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยปณิธานอันแรงกล้าของฝ่ายบริหารสโมสร - บางกอก จึงโชว์ฟอร์มในรอบภูมิภาคกับการนำเป็นอันดับ 1 ของตารางมาตั้งแต่ แมตช์เดย์ ที่ 6 ไปจนจบฤดูกาล แถมยังสถิติสวยด้วยความพ่ายแพ้เพียงหนึ่งนัดเท่านั้น
พวกเขาคว้าแชมป์โซนได้สำเร็จ แถมยังสร้างปรากฏการณ์จนสื่อกีฬาทุกสำนัก ไม่ว่าจะออฟไลน์หรือออนไลน์ต่างก็พากันตะลึงกับเขี่ย บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยอดทีมผู้ยิ่งยงของสยามประเทศตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ช้าง เอฟเอ คัพ 2023-24 แบบสุดจะเหลือเชื่อ
ทุกวันนี้ บางกอก ก็ยังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นถ้วยใบนี้กับการผ่านสู่รอบรองชนะเลิศไปพบ อุดร ยูไนเต็ด ในวันพุธที่ 8 พฤษภาคม
ทว่าเป้าหมายข้างหน้าของกระทิงเพลิง ณ ตอนนี้คือการคว้าแชมป์ ไทยลีก 3 รอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้ เพราะนี่คือเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่ของสโมสร ที่จะต่อยอดถึงความสำเร็จในอนาคต
เกมนัดแรกที่สนาม ศรีนครลำดวน บางกอก บุกไปเสมอมาได้ 1-1 ซึ่งยังเหลืออีกนัดที่จะกลับมาเล่นที่กรุงเทพมหานคร
พวกเขาจะทำสำเร็จหรือไม่นั้น ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด จะเป็นผู้ให้คำตอบเอง
[ 2 ] ศรีสะเกษ และประวัติศาสตร์ที่รอการจารึก
ศรีสะเกษ คือจังหวัดที่ผู้คนต่างหลงใหลในกีฬาแบบคลั่งไคล้ ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด พวกเขาพร้อมที่จะเข้าไปเป็นสักขีพยานของการแข่งขันอยู่เสมอ
แน่นอนว่าเบอร์หนึ่งนัมเบอร์วันในดวงใจของคนที่นั่นย่อมเป็น 'ฟุตบอล' แต่ด้วยความที่มีปัญหาเรื่องสิทธิ์การทำทีมที่อีรุงตุงนังมานับสิบปี มันจึงทำให้หลายสิ่งอย่างไม่เป็นไปตามความคาดหวัง กระทั่งต้องมาตั้งต้นใหม่ในนาม ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด
ทีมลำดวนเพลิงเป็นอีกหนึ่งสโมสรที่มุ่งมั่นตั้งใจว่าจะไปให้ไกลที่สุดบนเส้นทางลูกหนัง พวกเขาจึงค่อยๆ มีผลงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ โดยเฉพาะซีซั่น 2023-24 ที่คว้าแชมป์โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วยสถิติ 'ไร้พ่าย'
เท่านั้นไม่พอ เมื่อมาถึงรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาก็ยังรักษาสถิติไม่แพ้ใครแบบต่อเนื่อง เรื่อยจนถึงนัดชิงชนะเลิศเกมแรกที่เปิดบ้านเสมอ บางกอก เอฟซี 1-1
ดังนั้นในเกมนัดที่สองที่จะแข่งขันกันในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน จึงเป็นแมตช์สำคัญที่เดิมพันด้วยตำแหน่งแชมป์และศักดิ์ศรี
โดยเฉพาะฝั่ง ศรีสะเกษ หากคว้าชัยได้สำเร็จ พวกเขาจะกลายเป็นทีมที่ได้แชมป์พร้อมกับสถิติไร้พ่ายตลอดทั้งฤดูกาล ตั้งแต่รอบภูมิภาคจนถึงรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ยังไม่เคยมีสโมสรใดทำได้มาก่อน
[ 3 ] มหาสารคาม หรือ พัทลุง จะคว้าตั๋วใบสุดท้าย
ไฮไลต์สำคัญของ ไทยลีก 3 รอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก คือ 'ทีมอันดับ 3' ของการแข่งขัน เพราะตามกฎนั้นแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะได้เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติ ดังนั้นอีกหนึ่งโควตาจึงเป็นเกมที่ห้ามพาดด้วยประการทั้งปวง
ฤดูกาล 2023-24 ก็มีเรื่องน่าสนใจตรงที่ 2 ผู้ท้าชิงตั๋ว ไทยลีก 2 ใบสุดท้าย คือทีมที่ยังไม่เคยมีส่วนร่วมกับลีกรองของสยามประเทศเลยสักครั้ง
มหาสารคาม เอสบีที (สามใบเถา) คือทีมแรก - พวกเขาพยายามอย่างหนักหน่วงมาตลอด โดยเฉพาะการทุ่มเงินมหาศาล คว้านักเตะมากดีกรีเข้าสู่สโมสร จนได้รับฉายาว่า 'เจ้าบุญทุ่มแห่ง ไทยลีก 3' และก็ประสบความสำเร็จกับการคว้าแชมป์โซนเมื่อฤดูกาล 2022-23 แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว เพราะจบอันดับ 4 ในรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก
ซีซั่นปัจจุบัน ทัพปูม่วงมหากาฬก็ยังเป็นหนึ่งในทีมที่ถูกคาดการณ์ว่าจะเลื่อนชั้นแน่ๆ ด้วยตัวผู้เล่นที่ผ่านลีกสูงสุดมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ธีระพงศ์ ดีหามแห, นพรัตน์ สกุลอ๊อด, วานิช ใจแสน, แอฟซอน และ เลอันโดร อัสซัมพ์เซา ศูนย์หน้าบราซิล ที่คุ้นหูแฟนๆ เป็นอย่างดี
ขณะที่อีกทีมอย่าง พัทลุง เอฟซี ก็มีดีไม่แพ้ใคร กับการมุ่งหน้าสู่รอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จในฐานะรองแชมป์ภาคใต้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงรอบตัดสิน พวกเขาก็ถูกมองว่าโอกาสที่จะคว้าตั๋ว ไทยลีก 2 นั้นมีน้อยกว่าคู่แข่งทีมอื่นๆ แถมพอเล่นไป 3 เกม ก็เก็บได้เพียง 2 คะแนน เท่านั้น
แต่ในโลกของฟุตบอล ไม่มีอะไรแน่นอน 2 แมตช์สุดท้ายของรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก - พัทลุง คว้าชัยรวดเดียว เก็บเพิ่มอีก 6 แต้มเต็ม รวมเป็น 8 คะแนน คว้ารองแชมป์กลุ่มได้สำเร็จแบบเหลือเชื่อ
นั่นคือการที่ทุกฝ่ายในสโมสรร่วมมือร่วมใจกันจนผลักดันทีมมาถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ แม้จะเป็นรอง มหาสารคาม อยู่พอสมควร แต่พวกเขาก็จะสู้จนวินาทีสุดท้ายเพื่อชาวจังหวัดพัทลุง ทุกคน
นัดแรก มหาสารคาม ได้เปรียบกับการเอาชนะในบ้านตนเองมา 2-0 ก่อนที่จะกลับมาแข่งกันอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 27 เมษายน ที่พัทลุง
แม้สกอร์จะเป็นรองอยู่ถึง 2 ประตู แต่เชื่อได้เลยว่าทีมอีแอ่นเหินฟ้าจะทุ่มทุกสิ่งอย่างที่มีเพื่อค้าชัยชนะให้ได้ อีกทั้งการได้เล่นต่อหน้าแฟนๆ ตนเอง มันจึงเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาสร้างเซอร์ไพรส์อีกครั้ง
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน 18:00 น. เราจะได้รู้กันว่า พัทลุง หรือ มหาสารคาม จะคว้าตั๋วใบสุดท้ายของ ไทยลีก 2 ได้สำเร็จ
[ 4 ] ศรัทธาของแฟนฟุตบอลท้องถิ่นที่กำลังหวนคืน
กระแสของ ไทยลีก 3 รอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2023-24 ถือว่าได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย ที่นำโดยท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่มุ่งเน้นและสนับสนุนกีฬาของชาติอย่างเต็มกำลัง
รัฐบาลไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลซึ่งเป็นที่นิยมในทุกพื้นที่ทั่วดินแดนขวานทอง จึงพยายามกระจายความเข้าถึงไปยังชุมชนต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสเพื่อพัฒนาบุคลากรให้แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
ไทยลีก 3 ซึ่งเปรียบเสมือนลีกที่ผู้คนตามท้องถิ่นสามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นจึงเป็นเหมือนรากฐานของวงการฟุตบอลในระยะยาว
พอกระแสความนิยมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะสโมสรที่เข้าถึงรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่างก็ตื่นตัวกันมากกว่าเก่าก่อน
ยอดผู้ชมการแข่งขันในรอบภูมิภาคอาจจะแตะหลักพันบ้างในบางเกม แต่พอถึงรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีการถ่ายทอดสดทางช่อง NBT 2HD นั้นเห็นได้ถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ตัวอย่างกับเกมรอบชิงชนะเลิศระหว่าง ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด กับ บางกอก เอฟซี ที่สนาม ศรีนครลำดวน ปรากฏว่ามีแฟนฟุตบอลมากถึง 3,191 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงทีเดียวสำหรับ ไทยลีก 3
ขณะที่สนามกีฬาจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นเกมรอบชิงอันดับ 3 ระหว่าง มหาสารคาม เอสบีที กับ พัทลุง เอฟซี ก็มีผู้ชมกว่า 2,122 ชีวิต เป็นสักขีพยาน
ด้วยตัวเลขความนิยมที่พุ่งสูงขึ้น มันสะท้อนให้เห็นว่า 'ศรัทธา' ของแฟนๆ กำลังจะหวนคืนสู่วันวานอีกครั้ง ซึ่งต้องขอบคุณรัฐบาลไทย ที่นำโดยท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน รวมไปถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย รวมไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ที่เล็งเห็นความสำคัญของลีกภูมิภาค เพราะนี่คือ 'รากฐาน' ของฟุตบอลอย่างแท้จริง