หากพูดถึงจังหวัดที่ประสบความสำเร็จด้านฟุตบอลจากภาคอีสาน ชื่อของ จังหวัดมหาสารคาม ย่อมตกสำรวจแบบไม่มีใครนึกถึงอย่างแน่นอน ด้วยความเป็นจังหวัดเล็ก และไม่เคยเฉียดใกล้ความสำเร็จในด้านฟุตบอล นอกจากเวียนว่ายอยู่ในลีกรากหญ้าอย่างไทยลีก 3
แต่วันนี้ มหาสารคาม เริ่มเป็นที่จับตามองจากแฟนบอลทั่วอีสาน โดยปรับโฉมจากทีมเล็กที่ไม่เคยอยู่ในความสนใจของผู้คน กลับมาเป็นแชมป์ไทยลีก 3 โซนอีสานเมื่อปีที่แล้ว และกำลังคั่วแชมป์โซนในปีนี้ โดยคว้าโควตาไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกได้อีกครั้งตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล ลุ้นเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2 อีกคำรบ
เบื้องหลังความสำเร็จของทีม ไม่ได้มาจากโชคช่วยแน่นอน แต่มาจากความทุ่มเททั้งแรงเงิน แรงกายและการวางระบบอย่างมืออาชีพ พงศกร ตันณฑจรรยา ผจก.ทั่วไปสโมสร "ปูม่วงมหากาฬ"มหาสารคาม เอสบีที เอฟซี ได้เปิดเผยที่มา ที่ไป ก่อนจะเป็นตัวแทนโซนอีสานไปเล่นรอบแชมเปี้ยนส์ลีกของไทยลีก 3 ได้ถึง 2 ฤดูกาลซ้อน
จุดเริ่มต้นมาจาก คุณกันยารัตน์ เหล่าภักดี ประธานสโมสร และคุณธนวัฒน์ วิลูรพัน รองประธานสโมสร ซึ่งเป็นคู่สามีภรรยานักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับภูมิภาคอีสาน ได้เข้ามาเทคโอเวอร์ มหาสารคาม เอฟซี เมื่อปี 2021-2022 ด้วยความชื่นชอบฟุตบอลแบบเข้าเส้นของผู้เป็นสามี ที่เคยทำทีมฟุตบอลเดินสายมาต่อเนื่อง 4-5 ปีที่ผ่านมา
"พอรู้ข่าวว่า มหาสารคาม เอฟซี กำลังหาคนมาเทคโอเวอร์ คุณธนวัฒน์ ก็มีการพูดคุยกับภรรยาซึ่งเป็นชาวมหาสารคาม และมีความคิดว่าอยากจะพาทีมบ้านเกิดภรรยา ซึ่งปกติเป็นทีมที่จะวนเวียนอยู่แค่ระดับกลาง ๆ ล่าง ๆ ในลีกล่าง ให้ก้าวขึ้นมาทัดเทียมทีมจากภาคอีสานที่เคยผ่านลีกที่สูงกว่านี้มาแล้ว จึงตัดสินใจเข้ามาทำทีม และเปลี่ยนชื่อเป็น มหาสารคาม สามใบเถา ก่อนเป็นมหาสารคาม เอสบีที เอฟซี ในตอนนี้"
ฤดูกาลแรก 2021- 2022 เป็นการชิมลางการลงทุนทำทีมอาชีพครั้งแรกของ 2 สามีภรรยา โดยใช้นักเตะท้องถิ่นและโค้ชท้องถิ่นลงเล่นเลคแรก ก่อนที่จะตัดสินใจปรับแนวทางการทำทีม ดึงโค้ชมืออาชีพอย่าง จักราช โทนหงษา พร้อมทีมงาน มาคุมทัพในเลกสอง พร้อมกับนำเข้านักเตะต่างชาติมาเสริมทัพ หนึ่งในนั้นคืออดีตดาวเตะเมืองทอง มิลาน บูบาโล่
"ปีแรกยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร จบที่อันดับ 6 จากนั้นปีต่อมา ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง มีการดึงนักเตะไทยที่เคยผ่านเกมไทยลีก และตัวต่างชาติเข้ามา มหาสารคาม สามใบเถา ตอนนั้นคว้าแชมป์ไทยลีก 3 โซนอีสาน แต่ไม่ประสบความสำเร็จในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก" ผจก.ทั่วไปสโมสรกล่าว
ทั้งประธานและรองประธานสโมสร ซึ่งทุ่มทุนที่เป็นงบส่วนตัวไปหลายสิบล้านบาท ยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับทีมให้ได้ โดยจักราช โทนหงษา ยังคงคุมทัพ พร้อมพรั่งด้วยตัวผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง วาณิช ใจเสน, ธีระพงษ์ ดีหามแห ฯลฯ พร้อมดึงอดีตตัวท็อปต่างชาติไทยลีกอย่าง เลอันโดร อัสซัมเซา มาเสริมแกร่ง รวมถึง เอฟสัน ปราการหลังแซมบ้า และโรมาเนลี่ จูเนียร์ ทำให้มหาสารคาม เอสบีที คว้าโควตา 1 ใน 2 ของโซนอีสานไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกในปีนี้อีกครั้ง
"แต่ละเดือน สโมสรจะมีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนใหญ่อยู่ในงบที่ประธานและรองประธาน ตั้งไว้ และได้สปอนเซอร์อย่าง ลีโอ รวมถึงสปอนเซอร์ท้องถิ่น มาช่วยในเรื่องค่าใช้จ่ายบางส่วน ถ้าเทียบกับทีมในไทยลีก 3 ด้วยกัน เราก็น่าจะใช้งบสูงระดับท็อปของลีกเหมือนกัน"
โดยค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนนั้นนอกจากเงินเดือนนักเตะแล้ว สตาฟฟ์เจ้าหน้าที่ตั้งแต่เฮดโค้ชลงมา เรามีถึง 11 คนที่ทำหน้าที่ด้านต่าง ๆ ครบครัน มีการจัดเตรียมดูแลชุดซ้อมและชุดแข่งให้นักเตะตลอด เรื่องโภชนาการเราก็จัดเตรียมอาหารให้นักเตะได้กินอย่างมีประโยชน์ และช่วงแข่งจะมีการเปิดโรงแรมให้นักเตะได้พักก่อนแข่ง 1 วันเพื่อให้มีความสดมากที่สุด
ผจก.ทั่วไปสโมสร"ปูม่วงมหากาฬ"มหาสารคาม เอฟบีที เผยว่า ไม่ใช่แค่การลงทุนเรื่องทีมอย่างเดียว แต่สโมสรได้ปรับสนามการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่มหาสารคาม เป็นสนามเหย้า โดยได้ลงทุนปรับพื้นสนามใหม่ จ้างทีมงานมืออาชีพที่ดูแลสนามกอล์ฟ มาช่วยดูแลพื้นสนาม มีรถตัดหญ้าคันใหญ่ มีการซ่อมระบบไฟสนาม ปรับปรุงห้องต่าง ๆ เพื่อให้มีความพร้อมระดับอาชีพ
"นอกจากสนามแข่งขันแล้ว ยังมีการทุ่มเงินในการปรับปรุงสนามซ้อมให้เนี้ยบทั้งเรื่องพื้นสนาม และมีการสร้างห้องเวตเทรนนิ่ง ห้องไลฟ์ถ่ายทอดสด ทีมงานทำคอนเท้นท์ทางโซเชียล เราทำอย่างเต็มที่แบบมืออาชีพเพื่อให้มีความพร้อมมากที่สุด"
ทุกสิ่งทุกอย่างทุกด้าน ถูกเตรียมความพร้อมให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อผลงานของทีมคือการเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 2 และลีกสูงสุดในอนาคตอันใกล้ โดยหวังแรงใจจากบรรดาแฟนคลับที่อยากเห็นทีมจังหวัดเล็ก ๆ ที่ถูกมองข้ามขึ้นมาติดชาร์ตทีมฟุตบอลจากภาคอีสานที่ประสบความสำเร็จอีกทีม
"ด้วยสนามที่อาจจะยังอยู่ค่อนข้างไกลเมืองไปสักนิด ประมาณ 10 -12 ก.ม. แต่ตอนนี้แฟนบอลเฉลี่ยก็เกือบพันคนต่อแมตช์ เราพยายามทำงานร่วมกับชุมชน ทำอะคาเดมี่ร่วมกับสถานศึกษาของจังหวัด เพื่อสร้างความผูกพันและดึงแฟนบอลเข้าสู่สนาม หากทีมประสบความสำเร็จเชื่อว่า จำนวนแฟนบอลในสนามน่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน" นายพงศกร กล่าว
น่าจับตามองกับผลงานของ มหาสารคาม เอสบีที เอฟซี จะไปถึงฝั่งฝันในการไต่ระดับจากลีกรากหญ้าสู่ลีกที่สูงขึ้นไป โดยเป้าสูงสุดคือลีกสูงสุด จะทำได้หรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
แต่ที่ไม่ต้องพิสูจน์ และต้องปรบมือให้คือ สองผู้บริหารทีม ที่กล้าทำ กล้าทุ่ม เพื่อความสุขด้านฟุตบอลของชาวมหาสารคาม อย่างแท้ทรู