ภาคทัณฑ์ เปาคู่ ศรีสะเกษ-เชียงใหม่ พร้อมแบนแมตซ์คอม

ภาคทัณฑ์ เปาคู่ ศรีสะเกษ-เชียงใหม่ พร้อมแบนแมตซ์คอม
ส.บอลฯ สั่งภาคทัณฑ์ "กฤษดา หลวงยศ" กรรมการในคู่ ศรีสะเกษ-เชียงใหม่ พร้อมแบน "พีระพล ภูอุดม" แมตซ์คอมเกมดังกล่าว 2 สัปดาห์

การประชุม คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ครั้งที่ 7 ประจำฤดูกาล 2567/68 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน ได้พิจารณาเหตุการณ์ไม่ปกติในการแข่งขันฟุตบอล และ เรื่องร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

เมืองไทย ลีก หรือ ไทยลีก 2 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567 คู่ระหว่างสโมสร ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด พบ สโมสร เชียงใหม่ ยูไนเต็ด (สโมสร ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ร้องเรียนมา 2 เหตุการณ์) 

เหตุการณ์ที่ 1 ในนาทีที่ 56 ผู้เล่นหมายเลข 9 Mr. DANILO LOPES CEZARIO สโมสร ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ได้เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้กับผู้เล่นหมายเลข 10 Mr. CAIQUE FREITAS RIBEIRO สโมสร ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด โหม่งบอลเข้าประตู ซึ่งในจังหวะดังกล่าวผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ได้ยกธงแจ้งผู้ตัดสินว่าเป็นลูกล้ำหน้า จึงทำให้สโมสร ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ไม่ได้ประตูจากจังหวะดังกล่าว

ผลพิจารณาโทษ ลงโทษนายณัฐพล ชื่อสำราญ ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขันฯ ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 2 เดือน เนื่องจาก ผู้เล่นไม่ได้อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าชัดเจน แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 กลับยกธงแจ้งล้ำหน้าและมีการทำประตูได้ ซึ่งมีผลต่อการแข่งขัน

ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 ในช่วงพักการแข่งขันครึ่งเวลาแรก ขณะที่ผู้ตัดสินอยู่ในห้องพัก ทางฝ่ายบริหารสโมสร ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด สังเกตและพบเห็นผู้ตัดสินบางท่าน ใช้โทรศัพท์พูดคุยภายในห้องพัก ก่อนที่จะออกมาทำการตัดสินในครึ่งเวลาหลัง 

ผลพิจารณาโทษ ลงโทษนายกฤษฏา หลวงยศ ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขันฯ ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (2) ภาคทัณฑ์ เนื่องจากใช้โทรศัพท์ในการปิดระบบการแจ้งเตือนที่ไปรบกวนการปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการใช้เพื่อพูดคุยทางโทรศัพท์กับใครก็ตาม แต่ไม่ได้ขออนุญาตผู้ควบคุมการแข่งขัน จึงเป็นประพฤติตนไม่เหมาะสมและผิดตามระเบียบที่กำหนดไว้

ลงโทษนายพีระพล ภูอุดม ผู้ควบคุมการแข่งขัน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขันฯ ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษ ข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่ 2 สัปดาห์ เนื่องจากมิได้จัดเก็บรักษาโทรศัพท์จากผู้ตัดสินและผู้ประเมินผู้ตัดสิน ไว้ในที่เก็บให้มิดชิด โดยรวบรวมและวางไว้ในห้องผู้ตัดสิน จนนำมาสู่เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น มีความบกพร่อง ทำให้เกิดความเคลือบแคลงใจของ ซึ่งมีผลต่อภาพลักษณ์ของการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพตามมา

ส่วนเกมไทยลีก 3 วันที่ 21 กันยายน 2567 คู่ระหว่างสโมสร บ้านค่าย ยูไนเต็ด พบ สโมสร ปลวกแดง ยูไนเต็ด

เหตุการณ์ ในการแข่งขันนาทีที่ 53 ผู้เล่นหมายเลข 5 นายธรรมรัตน์ แว่นมณี สโมสร ปลวกแดง ยูไนเต็ด ได้กระโดดถีบที่หน้าท้องของผู้เล่นหมายเลข 15 Mr.LUCAS FELIPE DAUBER MANN สโมสร บ้านค่าย ยูไนเต็ด ผู้ตัดสินจึงได้ให้ใบแดงโดยตรงประพฤติผิดอย่างร้ายแรง (VC) ไล่ออกจากสนาม ผู้ตัดสินได้แจ้งเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ผู้ตัดสินให้ใบแดงผู้เล่นหมายเลข 5 นายธรรมรัตน์ แว่นมณี แล้วนั้น ผู้เล่นคนดังกล่าวได้เข้ามาด่าผู้ตัดสินด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย และท้าทายผู้ตัดสินให้ออกไปเจอกันข้างนอกสนาม แล้วผู้เล่นหมายเลข 5 นายธรรมรัตน์ แว่นมณี ก็เดินออกจากสนาม ผู้ตัดสินจึงดำเนินการเริ่มการแข่งขันต่อ

ผลพิจารณา ลงโทษผู้เล่นหมายเลข 5 นายธรรมรัตน์ แว่นมณี สโมสรปลวกแดง ยูไนเต็ด ด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและข่มขู่เจ้าหน้าที่การแข่งขันด้วยพฤติกรรมที่ไม่สุภาพท้าทายต่อผู้ตัดสิน ยังไม่ยอมรับคำตัดสิน ไม่ควรแสดงพฤติกรรมดังกล่าว อันอาจจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในสนามแข่งขันได้ มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 1.9 ถูกพักการแข่งขัน 3 นัด และปรับเงิน 60,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 15,000 บาท

ส่วนอีกเคสในไทยลีก 3 วันที่ 22 กันยายน 2567 คู่ระหว่างสโมสร นรา ยูไนเต็ด พบ สโมสร ยะลา ซิตี้ 

เหตุการณ์ ในที่ประชุมผู้จัดการทีม ผู้จัดการสนาม สโมสร นรา ยูไนเต็ด ได้แจ้งต่อที่ประชุมเรื่องฝ่ายรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 นาย รปภ. 25 นาย และ อส. 8 นาย กระจายตามจุดต่าง ๆ ทั่วสนาม ความจุสนามแข่งขัน จำนวน 1,500 ที่นั่ง ซึ่งในวันแข่งขันสนามมีผู้ชมเข้ามาชม จำนวน 2,000 คน เกินความจุที่แจ้งไว้ 1,500 ที่นั่ง ทำให้ผู้ชมล้นไปรอบสนามและอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งบริษัท ไทยลีก จำกัด ยังไม่อนุญาตให้สโมสรใช้งาน ทางผู้จัดการสนามได้มาชี้แจงกับผู้ควบคุมการแข่งขันว่าทางสโมสรได้ห้ามปรามทุกวิถีทาง แต่กองเชียร์ยังไม่เชื่อฟัง ประกอบกับวันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียง 8 นาย ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยก่อนการแข่งขันบริเวณฝั่งตรงข้ามอัฒจันทร์หลัก เป็นอัฒจันทร์ซึ่งกำลังก่อสร้าง มีผ้าสแลนสีเขียวกั้นเป็นแถบยาวบริเวณหน้าอัฒจันทร์ แต่บริเวณทางขึ้นอัฒจันทร์ไม่ได้มีการกั้นรั้วเพื่อป้องกันไม่ให้กองเชียร์ขึ้นไปได้ โดยผู้ควบคุมการแข่งขันได้รับแจ้งจากแมตซ์เซ็นเตอร์ว่า อัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามอัฒจันทร์หลักที่กำลังก่อสร้างจะทำการสร้างแล้วเสร็จประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยแมตซ์เซ็นเตอร์ได้รับแจ้งข้อมูลจากนายรูดสลาม ดอเลาะ ตำแหน่งผู้ประสานงานสโมสรนรา ยูไนเต็ด

ผลพิจารณา คือสั่งลงโทษสโมสร นรา ยูไนเต็ด ยินยอม หรือปล่อยปละละเลย หรือประมาทเลินเล่อ ให้กองเชียร์เข้าชมการแข่งขันเกินความจุของสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.16 ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 12,500 บาท

ลงโทษสโมสร นรา ยูไนเต็ด ปล่อยปละละเลยให้กองเชียร์ อยู่ในสถานที่ที่ไม่ได้จัดไว้ให้เป็นที่นั่ง มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.17  ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 12,500 บาท


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport