จันทบุรี ส่อโดนปรับแพ้ นครศรี "โค้ชธง" แจงเป่าสั่งหยุดเตะ

จันทบุรี ส่อโดนปรับแพ้ นครศรี "โค้ชธง" แจงเป่าสั่งหยุดเตะ
ไฟไม่พอ เกมไทยลีก2 ชะงัก จันทบุรี ส่อเค้าโดนปรับแพ้ นครศรี ยูไนเต็ด "โค้ชธง" แจงเชิ้ตดำสั่งหยุดไม่ใช่ทีมไม่เล่น ด้านจันทบุรีขอโทษแฟน เอาตั๋วเก่ามายื่นเข้าชมฟรีนัดพบสุพรรณบุรี

เกม เมืองไทย ลีก 2024-25 หรือ ไทยลีก 2 นัดที่ 4 เมื่อวันเสาร์ที่ 31 ส.ค.67 เกมที่ จันทบุรี เอฟซี ขึ้นนำ นครศรี ยูไนเต็ด 1-0 ซึ่งในช่วงต้นครึ่งหลังเกมต้องหยุดชะงักเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากไฟสนามมีความสว่างไม่เพียงพอ สุดท้ายแล้วเกมต้องยุติการแข่งขัน เนื่องจากไฟสนามไม่สามารถกลับมาส่องสว่างได้ตามเวลาที่กำหนด โดยต้องรอผลพิจารณาจากฝ่ายจัดการแข่งขันอีกครั้งว่าจะสรุปเหตุการณ์นี้อย่างไร 

ล่าสุด "โค้ชธง"ธงชัย สุขโกกี กุนซือใหญ่ นครศรี ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ผ่านแฟนเพจสโมสร ระบุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ก่อนเริ่มเกม ไฟสนามทางเสาด้านขวา ขวามือประตูฝั่งเรา ไฟติดไม่ครบทุกดวง ก็ทำให้การส่องสว่างแสงไม่เพียงพอ ก็ทำให้มีการพูดคุยกันพักใหญ่ ทางฝ่ายจัดการแข่งขันก็ตกลงกันว่า ให้ลงทำการแข่งขันได้ ทางเราก็ยินยอมตามมาตรการหรือสิ่งที่เขาตัดสินใจ ก็เล่นไป"

"แต่จังหวะที่สองหลายคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นฝั่ง นครศรี ยูไนเต็ด ไม่เล่น จริงๆแล้วไม่ใช่ แต่เป็นผู้ตัดสินเป็นฝ่ายหยุดเกม ทางเราก็ตกใจเลยว่าทำไมเล่นไม่ได้ ผู้ตัดสินให้คำตอบว่า มันเล่นไม่ได้ มันมองไม่เห็นครับพี่ ต้องแก้ไข ต้องจับเวลาดู ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องว่ากันไปตามกติกา ก็เหมือนว่านครศรี ยูไนเต็ดชนะแบบแข่งไม่จบ จริงๆเราก็ไม่ได้ต้องการแบบนี้ แต่ว่ามันเป็นกติกา และย้ำอีกครั้งว่าการหยุดเกมครั้งที่ 2 มันเป็นการหยุดโดยผู้ตัดสิน โดยฝ่ายเราก็ไม่รู้เรื่อง เป็นการตัดสินใจของผู้ตัดสิน เพราะเขาให้เหตุผลว่าเขามองไม่เห็น เขาไม่สามารถตัดสินต่อได้ อาจจะเกิดอันตรายได้ และต้องขออภัยแฟนบอลจันทบุรี เอฟซีด้วย ถ้าส่วนไหนที่ผมและทีมผิดผลาดประการใด ก็ต้องขออภัยด้วย ก็ว่ากันตามกติกาครับ"

ส่วนทางฝั่ง จันทบุรี เอฟซี เจ้าบ้าน ประกาศถึงแฟนบอลผู้ที่เข้าชมเกมพบนครศรี ยูไนเต็ด สามารถเก็บบัตรเข้าชมในเกมดังกล่าว มายื่นแทนในแมตช์พบสุพรรณบุรี เอฟซี หรือหลักฐานรูปถ่ายตราปั๊มหรือบัตรในแมตช์วันที่ 31.08.2567 (หลักฐานรูปถ่ายอ้างอิงจากวันดังกล่าว ) ซึ่งสามารถนำมายื่นเข้าชมเกมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยทางสโมสรขออภัยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา ณ ที่นี้


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport