คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท สั่งลงโทษ ปรับเงิน และ แบนผู้เล่น-กรรมการ คู่ฉาว ลำปาง-แพร่ ในศึกไทยลีก2
ลงดาบเกมฉาว คู่ลำปาง-แพร่ รวมหลายกระทง ลำปาง โดนปรับรวม 93,332 บาท จากเคส กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ ผู้เล่นลำปางไปย่ำใส่คู่แข่ง โดนแบน 3 นัด ปรับ 26,666 บาท รวมถึง วิทยา ดงใหญ่ กุนซือลำปาง ที่ดึงผู้เล่นให้วอร์คเอ้าต์ และ สโมสรลำปางโดนปรับด้วย เคสละ 33,333 บาท ส่วนทีมเยือน โดนเคสเดียว อาทิตย์ พรหมขันธ์ นักเตะแพร่ โดนแบน 3 นัด ปรับ 26,666 บาท รวมถึงสั่งแบน 2 สัปดาห์ ผู้ตัดสิน เสกสรร พันธ์ศรี และไลน์2 จักรกฤษ แก่นแก้ว ที่ไม่แจกใบแดงผู้เล่นลำปาง
คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 2 ประจำฤดูกาล 2567/68 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน ได้พิจารณาเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันกีฬาฟุตซอล ไทยลีก จำนวน 1 คู่ และการแข่งขันฟุตบอล เมืองไทย ลีก (ไทยลีก 2 ) จำนวน 2 คู่ ดังนี้
คู่แรกระหว่าง สโมสรลำปาง เอฟซี พบ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 เหตุการณ์เกิดขึ้นในนาทีที่ 90+6 ขณะบอลอยู่ในการเล่น เกิดเหตุทำร้ายร่างกายในเขตโทษของทีมแพร่ ยูไนเต็ด โดยมีผู้รักษาประตูหมายเลข 24 นายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี ใช้เท้าเหยียบที่บริเวณใบหน้า ผู้เล่นหมายเลข 27 นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ทำให้นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ ไม่พอใจเจตนาชกบริเวณท้ายทอยของนายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ ล้มลง
หลังจากนั้น นักกีฬาสโมสรลำปาง เอฟซี ได้วิ่งกรูเข้ามา แต่นักกีฬาทั้งสองทีมช่วยกันห้าม ผู้ตัดสินเห็นเหตุการณ์ได้หยุดการแข่งขัน และให้ใบแดงแก่นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ ทันที ส่วนนายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ ผู้ตัดสินได้พิจารณาให้ใบเหลืองแทน หลังกลับมาแข่งขันในนาทีที่ 90+64
ผลการพิจารณาเหตุการณ์ผู้เล่นทำร้ายร่างกาย แบ่งการลงโทษออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนของผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ และส่วนของผู้เล่นที่ทำร้ายร่างกายกัน
การพิจารณาลงโทษผู้ตัดสิน
คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ ได้พิจารณาจากภาพเหตุการณ์ และข้อสรุปจากผลการประชุมของคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสิน แล้วเห็นว่า
นายเสกสรร พันธ์ศรี ผู้ตัดสิน ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด ที่ไม่ได้ให้ใบแดงกับผู้รักษาประตูหมายเลข 24 นายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี ที่ใช้เท้าขวาเหยียบไปที่บริเวณใบหน้าของผู้เล่นหมายเลข 27 นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ ของสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด
นายจักรกฤษ แก่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาด เนื่องจากมีเหตุการณ์กระทำผิดกติกาชัดเจนในพื้นที่รับผิดชอบของผู้ช่วยผู้ตัดสิน แต่ไม่มีการยกธงแจ้งผู้ตัดสินว่ามีผู้กระทำผิดกติกา (พื้นที่ในเขตโทษ)
ลงโทษนายเสกสรร พันธ์ศรี ผู้ตัดสิน และ นายจักรกฤษ แก่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ตามระเบียบข้อบังคับว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันฯ ตามบทลงโทษหมวดที่ 9 ลักษณะโทษข้อ 57 (8) พักการปฏิบัติหน้าที่คนละ 2 สัปดาห์
ในส่วนของใบแดงที่ให้แก่ผู้เล่นหมายเลข 27 นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ ของสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ถือว่าผู้ตัดสินปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องแล้ว
ส่วนการพิจารณาลงโทษผู้เล่นที่ทำร้ายร่างกายกัน คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขัน เหตุผลประกอบการให้ใบแดงตามรายงานผู้ตัดสิน และภาพเหตุการณ์ แล้วเห็นว่า พฤติกรรมของ ผู้เล่นหมายเลข 27 นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด และ ผู้รักษาประตูหมายเลข 24 นายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี เป็นการเจตนาทำร้ายร่างการกันของทั้งสองคน เห็นควรพิจารณาลงโทษเพิ่มเติมจากโทษที่ได้รับจากผู้ตัดสินในสนาม โดยลงโทษเพิ่มเติมผู้เล่นหมายเลข 27 นายอาทิตย์ พรหมขันธ์ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ตามความผิดข้อ 1.12 (1) ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ให้ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 1 นัด ปรับเงิน 20,000 บาท รวมโทษใบแดงตรงที่ได้รับจากผู้ตัดสินในสนามอีก 2 นัด ปรับเงิน 20,000 บาท ในส่วนของผู้รักษาประตูหมายเลข 24 นายกิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี ที่ได้รับใบเหลือง ให้พิจารณาลงโทษเพิ่มเติม ตามความผิดข้อ 1.12 (1) ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย ให้ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 3 นัด ปรับเงิน 40,000 บาท
ดังนั้น เมื่อนับรวมโทษผู้เล่นทั้งสองคนจะได้รับโทษเท่ากัน โดยจะถูกพักการแข่งขันคนละ 3 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ ไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงินคนละ 26,666 บาท
ส่วนเหตุการณ์หยุดการแข่งขัน ภายหลังจากเหตุการณ์ผู้เล่นทำร้ายร่างกายในนาทีที่ 90+6 ผู้ตัดสินได้หยุดการแข่งขันเพื่อพิจารณาให้ใบแดงแก่ผู้เล่นสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด และ ชี้แจงเหตุการณ์ในภาพรวมในกับผู้เล่นทั้งสองทีมได้รับทราบ โดยผู้ตัดสิน ได้มีการหารือกับผู้ตัดสินที่ 4 ในนาทีที่ 90+8 ถึงการกลับมาเริ่มใหม่ ผู้ตัดสินที่ 4 แจ้งว่าลูกบอลอยู่ในการเล่น และสอบถามผู้ตัดสินว่าเหตุการณ์เกิดในเขตหรือนอกเขตโทษ ถ้าในเขตโทษต้องเป็นจุดโทษ ในนาทีที่ 90+13 ผู้ตัดสินได้แจ้งนักกีฬาทั้งสองทีมทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพิจารณาแล้วน่าจะเป็นจุดโทษ แต่ขอสอบถามข้อมูลจากผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ก่อน เวลาผ่านไปจนถึงนาทีที่ 90+16 ผู้ตัดสินเดินกลับมาที่ข้างสนามพร้อมกับเรียกผู้ตัดสินที่ 4 และผู้ช่วยผู้ตัดสินทั้งสองคนมาสรุปลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง
ระหว่างนั้นมีการประท้วงไปมาระหว่างทั้งสองทีม ผู้ควบคุมการแข่งขันจึงได้ประสานงานเจ้าบ้านจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนคุมพื้นที่ ป้องกันไม่ให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมทั้งสองทีมทะเลาะวิวาทกัน ต่อมาในนาทีที่ 90+28 ทีมงานผู้ตัดสินได้ข้อสรุปว่าเหตุการณ์ ผู้รักษาประตูหมายเลข 24 กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี ได้กระทำฟาวล์ผู้เล่นหมายเลข 27 อาทิตย์ พรหมขันธ์ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ก่อน จึงให้สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ได้เริ่มเล่น ณ จุดที่กระทำผิด ผู้ตัดสินจึงได้เรียกหัวหน้าทีมทั้งสองทีมมารับทราบการตัดสิน และให้นักกีฬากลับลงสนามเพื่อแข่งขันต่อ ผู้เล่นสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ลงสนามพร้อมแข่งขันต่อ แต่นายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี ได้เรียกนักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ให้มารวมตัวที่ข้างสนาม และนักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ได้ทะยอยเดินออกจากสนามแข่งขันมาที่บริเวณข้างสนามหน้าเขตเทคนิคของทีมตนเองไม่ยอมลงสนามแข่งขันต่อ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน จึงไม่สามารถเริ่มการแข่งขันได้ ในนาทีที่ 90+37
ผู้ตัดสินเดินไปที่กลางสนามและเรียกให้นักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ลงสนามแข่งขันต่อ เป็นครั้งที่สอง ประกอบกับ ผู้ควบคุมการแข่งขัน ก็ได้คุยกับนายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี เพื่อบอกให้นักกีฬาลงแข่งขัน แต่ยังไม่เป็นผล นาทีที่ 90+44 ผู้ควบคุมการแข่งขัน จึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทีมลำปาง เอฟซี จะจับเวลา 15 นาที หากครบเวลาแล้วนักกีฬายังไม่ลงสนามเพื่อแข่งขันต่อ ผู้ตัดสินเป่ายุติการแข่งขันและเขียนรายงานให้คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ พิจารณาต่อไป
เวลาล่วงเลยไปจนถึงนาทีที่ 90+61 นายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี แจ้งว่าจะแข่งขันต่อ แต่เนื่องจากกองเชียร์ทีมลำปาง เอฟซี ไม่พอใจการตัดสินของผู้ตัดสิน จึงขอเวลาคุยทำความเข้าใจกับกองเชียร์ทีมลำปาง เอฟซี และขอความร่วมมือกองเชียร์ไม่ก่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้การแข่งขันจบลงด้วยดี และให้ผู้เล่นสโมสรลำปาง เอฟซี ทยอยลงสนามแข่งขัน ต่อไปจนจบการแข่งขัน ในนาทีที่ 90+65
โดยการพิจารณาลงโทษเหตุการณ์หยุดการแข่งขัน คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ ได้พิจารณาจากรายงานผู้ควบคุมการแข่งขัน ภาพเหตุการณ์ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ควบคุมการแข่งขัน แล้วเห็นว่า การกระทำของนายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรลำปาง เอฟซี ที่ได้เรียกนักกีฬาสโมสรลำปาง เอฟซี ให้มารวมตัวที่ข้างสนาม และนักกีฬาสโมสรลำปาง เอฟซี ได้ทยอยเดินออกจากสนามแข่งขันมาที่บริเวณข้างสนามหน้าเขตเทคนิคของทีมตนเองไม่ยอมลงสนามแข่งขันต่อ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการตัดสินนั้น เป็นเหตุให้การแข่งขันไม่สามารถเริ่มแข่งขันต่อได้ เป็นการเจตนาหยุดการแข่งขันของสโมสรลำปาง เอฟซี กระทบต่อภาพลักษณ์ของการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพฯ จนกระทั่งผู้ควบคุมการแข่งขันต้องมีการแจ้งเตือนอยู่หลายครั้งถึงยอมลงทำการแข่งขันต่อ
จึงมีมติลงโทษนายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรลำปาง เอฟซี ตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.9 ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 33,333 บาท และลงโทษสโมสรลำปาง เอฟซี มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 3.8 ปรับเงิน 50,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 33,333 บาท และต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย (ถ้ามี)
นอกจากนี้ คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ ได้มีมติให้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสิน และคณะกรรมการผู้ควบคุมการแข่งขัน เพื่อพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน เกี่ยวข้องกับการควบคุมและการบริหารเวลาจัดการแข่งขันว่ามีความบกพร่องอย่างไรหรือไม่ ส่งให้กับคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ พิจารณาต่อไป
อนึ่ง ท่านประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ และคณะกรรมการทุกท่าน เห็นว่าภาพเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันกลางสนามฟุตบอลเป็นเรื่องที่รุนแรง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทยเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าทีมใดก็ตาม ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าวอีกคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ จะพิจารณาลงโทษขั้นรุนแรงและสูงสุดตามระเบียบที่วางไว้ เพื่อให้ทุกทีมให้ความสำคัญร่วมกันช่วยกันห้ามปรามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนี้ร่วมกันต่อไป
อีกคู่ระหว่าง สโมสร พัทยา ยูไนเต็ด พบ สโมสร ชัยนาท ฮอร์นบิล เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567
เหตุการณ์เกิดขึ้นในนาทีที่ 72 กองเชียร์สโมสรพัทยา ยูไนเต็ด ด้านหลังประตูได้ขว้างแก้วน้ำพลาสติกเข้ามาในสนามจำนวน 1 แก้ว บริเวณหลังตาข่าย จนเป็นเหตุให้ผู้ตัดสินหยุดการเล่น เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาควบคุมเหตุการณ์ ใช้เวลาประมาณ 2 นาที จากนั้นผู้ตัดสินสั่งเริ่มเล่นตามปกติ
ผลพิจารณาโทษ ลงโทษกองเชียร์สโมสรพัทยา ยูไนเต็ด ขว้างปาสิ่งของเข้าไปในสนาม มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 20,000 บาท