เมืองทองเริงร่า แต่ยังต้องรักษา 'มาตรฐาน'

ทว่าที่ดูจะชื่นใจที่สุดคือการทะยานสู่อันดับ 4 ของตารางคะแนน แซงหน้าสโมสรที่ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อนำแข้งระดับท็อปเข้ามาอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไปด้วยผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่า

เท่านั้นไม่พอ "กิเลนผยอง" ยังเหลือเกมในมืออีกหนึ่งนัด ซึ่งถ้าเก็บชัยชนะได้สำเร็จ พวกเขาจะโผล่ไปอยู่อันดับ 3 นำหน้า การท่าเรือ เอฟซี อีกต่างหาก

เรียกได้ว่าอะไรๆ ก็สวยงามไปหมดทุกสิ่งอย่าง

- ฟอร์มร้อนแรง เพราะนักเตะเริ่มเข้าใจแท็กติกของ จิโน่ เล็ตติเอรี่ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

- แนวรุกเฉียบขาดกว่าแต่ก่อนมาก ผิดกับตอนต้นซีซั่นที่สร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย ทว่าปิดสกอร์ได้น้อยนิด

- เกมรับไม่พลาดง่ายๆ เนื่องจากผู้เล่นเรียนรู้สิ่งที่ เล็ตติเอรี่ พยายามปรับจูนจนมาโดยตลอดจนสอดประสานกันอย่างลงตัว

- แผงมิดฟิลด์เข้าขามองตารู้ใจ โดยมี พิชา อุทรา กัปตันทีมเป็นจุดศูนย์กลาง

- ตัวจริงกับตัวสำรองเหลื่อมล้ำไม่มาก เพราะความเข้าใจในแท็กติก ทำให้ทดแทนกันได้

- เอมิล โรบัค ท็อปฟอร์ม เปรียบเสมือนได้นักเตะใหม่

นี่คือปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ เมืองทอง ทำผลงานที่ยอดเยี่ยมในช่วงออกสตาร์ตเลกที่สอง ซึ่งทั้งหมดนั้นมาจากการทำงานและฝึกซ้อมอันหนักหน่วงของคนในทีม

อย่างไรก็ตาม กิเลนผยอง ยังมีความท้าทายรออยู่อีกหลายแมตช์ในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2024-25 

เรื่องรายละเอียดในเกม ตอนนี้พวกเขาค่อนข้างลงตัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะนักเตะซึมซับแท็กติกของ เล็ตติเอรี่ ได้ดี ทว่าสิ่งสำคัญที่ยอดทีมแห่งย่านแจ้งวัฒนะยังต้องพิสูจน์คือ 'การรักษามาตรฐาน' ให้ได้สม่ำเสมอ

ณ ปัจจุบันทุกอย่างดำเนินไปแบบสวยหรู แต่ถ้าจะยกระดับหรือปรารถนาจะประสบความสำเร็จ คุณต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้ได้ระยะยาว เพราะสิ่งๆ นี้แหละคือตัวชี้วัดว่าทิศทางของทีมจะไปในเวย์ใด

จากตารางคะแนน เมืองทอง มีโอกาสขยับไปอยู่อันดับ 3 ด้วยซ้ำ หากเก็บชัยชนะในเกมตกค้างได้สำเร็จ ทว่าบททดสอบอีกหลายแมตช์นั้นรออยู่ โดยเฉพาะวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม ที่จะบุกไปเยือน ราชบุรี เอฟซี

ฤดูกาลปัจจุบัน "ราชันมังกร" เพิ่งจะแพ้ในบ้านตัวเองเพียงนัดเดียวเท่านั้น คือเกมประเดิมสนามที่พ่าย นครปฐม ยูไนเต็ด 2-3 ที่เหลือ พวกเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นถล่ม บีจี ปทุม 4-1 หรือเสมอ การท่าเรือ 1-1 

เท่านั้นไม่พอ ราชบุรี สตาร์ตเลกที่สองด้วยการคว้าชัยทั้ง 2 เกม เช่นเดียวกับ "กิเลนผยอง" ซึ่งนั่นบ่งบอกถึงความมั่นใจที่กำลังพวยพุ่งไม่แพ้กัน

นับจากนี้ต่อไป นี่คือช่วงเริ่มต้นการผจญภัยของ เมืองทอง ในซีซั่น 2024-25 โดยมี 'ตัวเอง' เป็นคู่แข่ง

แชมป์ไทยลีก อาจจะยากมากๆ เพราะแต้มห่างจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงแบบไกลโพ้น แต่ในถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ และ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ถือว่ายังได้ลุ้นอยู่ แม้เปอร์เซ็นต์จะไม่สูงนักก็ตาม ทว่าถ้าสามารถรักษามาตรฐานสม่ำเสมอ โอกาสที่โทรฟี่จะหวนคืนสู่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว

หลายๆ อย่างกำลังไปได้สวย อยู่ที่ตัวเองว่าจะต่อยอดฟอร์มการเล่นได้ไปจนจบฤดูกาลหรือเปล่า หากทำได้ ซีซั่น 2024-25 คงจะเป็นปีที่สาวกกิเลนผยองได้ชื่นมื่นกันถ้วนหน้า

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ส่วนฟุตบอลก็ต้องใช้มาตรฐานนี่แหละเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของสโมสร

กิเลนเริงร่า แต่ยังต้องรักษา 'มาตรฐาน' ให้ได้ระยะยาว

-ชิกกะด้าว-