ชัยชนะ 5-1 เหนือ ลำพูน วอริเออร์ เป็นสกอร์ที่เกินคาดไปพอสมควร เพราะก่อนที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด จะบุกมาคักชัยชนะได้ ทัพราชันโคขาวเป็นหนึ่งในทีมที่เหนียวแน่นมากที่สุดของลีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมี อเล็กซานเดร กามา กุนซือชาวต่างชาติที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสยามประเทศ มันเป็นการตอกย้ำให้ภาพจำชัดเจนถึงความแข็งแกร่งในเกมรับ
ทว่าเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2025 ถูกกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเกมรุกอันฉกาจฉกรรจ์ของกิเลนผยอง
การปล่อย เฟลิซิโอ บราวน์ ที่หมดสัญญา บวกกับ ปรเมศย์ อาจวิไล ที่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน ขณะเดียวกัน เมลวิน ลอเรนเซ่น สมาชิกใหม่ที่ยืมตัวจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็ยังไม่มีชื่อ ทำให้ จิโน่ เล็ตติเอรี่ ต้องปรับเอา เอมิล โรบัค ไปยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า ขนาบข้างด้วย กรวิชญ์ ทะสา และ ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท
เชื่อว่าแฟนๆ เมืองทอง คงจะหวั่นๆ อยู่เหมือนกัน เนื่องจากเจ้าถิ่นที่มี กามา เป็นเฮดโค้ชนั้นพร้อมจะลงโทษได้ทุกวินาที เพราะความที่เป็นกุนซือที่เลื่องชื่อในเรื่องแท็กติกเขี้ยวลากดิน แถมยังมี เจฟแฟร์ซอน ซึ่งมีความอันตรายในการจบสกอร์
ทว่าทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าทางกิเลนผยองไปหมด โดยเฉพาะ โรบัค ที่เฉิดฉายสุดๆ กับการกดแฮตทริกแรกของตนเองกับต้นสังกัดและเกือบจะเพิ่มอีกหนึ่งแอสซิสต์ หากไม่ถูก VAR ริบประตูไปเสียก่อน
3 ประตูที่แนวรุกชาวสวีเดน ทำได้นั้นมาจากเท้าขวา, เท้าซ้ายและลูกโหม่ง ซึ่งเป็น 'เพอร์เฟกต์ แฮตทริก' นั่นเอง
เด็กหนุ่มเชื้อสายแกมเบีย เพิ่งย้ายจาก เอซี มิลาน สู่ เมืองทอง ก่อนเปิดฤดูกาล 2024-25 ท่ามกลางความฮือฮา เพราะในวัยเพียง 21 ปี แถมยังอยู่สโมสรใหญ่ของอิตาลี แต่กลับเลือกที่จะลัดฟ้าสู่ ไทยลีก ซึ่งมาตรฐานอยู่ห่างไกล กัลโช่ เซเรีย อา มหาศาล
จากข้อมูลที่เชื่อถือได้เผยว่าจริงๆ แล้ว โรบัค คือหนึ่งในนักเตะที่ถูกทีมปีศาจแดง-ดำตั้งความหวังไว้พอสมควรว่าจะก้าวไปเล่นทีมชุดใหญ่ในอนาคต เพราะลงทุนไปคว้ามาจาก ฮัมมาร์บี้ สโมสรในลีกสวีเดน ด้วยค่าตัวกว่า 1.5 ล้านยูโร (ประมาณ 53 ล้านบาท) ตั้งแต่อายุยังน้อย (กันยายนปี 2020)
ทว่าตัวนักเตะดูจะขาดความมั่นใจ เลยทำให้ไม่สามารถก้าวข้ามจากดาวรุ่งไปสู่อีกระดับได้ กระทั่งสัญญาสิ้นสุดลง กลายเป็น เมืองทอง ซึ่งมีสายตาการเลือกนักเตะต่างชาติอันเฉียบขาดติดต่อไป ก่อนจะได้ลายเซ็นของเขาในที่สุด
ช่วงแรกๆ ที่ โรบัค ย้ายมาเล่นในสยามประเทศ อาจจะไม่โดดเด่นมากนัก เนื่องจากทุกอย่างยังใหม่สำหรับวัยรุ่นที่อายุเพิ่งจะ 21 ไปหมาดๆ ฟอร์มของเขาจึงดูนิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรที่ดูน่าสนใจ อาจจะสะดุดตาเล็กๆ น้อยๆ กับจังหวะลากเลื้อยและสปีดต้นที่จัดจ้านพอได้
สถิติในเลกแรกในฤดูกาล 2024-25 ของเขากับกิเลนยองจึงจบที่ 3 ประตูและ 3 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ
แน่นอนว่ามันดูจะน้อยไปหน่อย เพราะในฐานะโควตาต่างชาติ อีกทั้งยังเป็นผู้เล่นในตำแหน่งเกมรุก มันย่อมถูกคาดหวังมากกว่านี้ ยิ่งกับ เมืองทอง ซึ่งเป็นสโมสรใหญ่ ผลงานจึงย่อมเป็นที่จับตามองมากกว่าคนอื่นๆ
ด้วยการประคบประหงมอย่างดีจาก เล็ตติเอรี่ และสตาฟฟ์โค้ช เปิดฉากเลกที่สองของซีซั่น 2024-25 ฟอร์มของ โรบัค ก็เปล่งประกายในทันที จังหวะกระชากดูมั่นใจมากขึ้นกว่าเก่า, วิ่งตัวเปล่าได้ชาญฉลาด, เล่นกับเพื่อนได้เข้าขารู้ใจ และที่สำคัญคือการจบสกอร์ที่เฉียบขาดแบบชัดเจน
แม้จะเป็นแค่เกมๆ เดียวที่เขาเฉิดฉาย แต่ด้วยอายุที่ยังเพิ่งจะ 21 เท่านั้น บวกกับเรื่องสภาพจิตใจที่พุ่งไปในทิศบวก มันจึงน่าจะทำให้เด็กหนุ่มเชื้อสายแกมเบีย พัฒนาตนเองไปได้ไกลกว่านี้แน่
ในวันที่ วิลเลียน พ็อพพ์ ยังพักรักษาอาการบาดเจ็บ ขณะที่ ปรเมศย์ ก็กำลังฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ณ วินาทีนี้ สาวกกิเลนผยองได้ฉลองกับว่าที่ 'ขวัญใจ' คนล่าสุดแล้ว
โรบัค แรงร้อน เหมือน เมืองทอง ได้นักเตะใหม่
ชิกกะด้าว