4 ปัจจัยทำ คูเปอร์ ต้องแยกทางกับ การท่าเรือ

4 ปัจจัยทำ คูเปอร์ ต้องแยกทางกับ การท่าเรือ
การแยกทางแบบสายฟ้าแลบของ สกอตต์ คูเปอร์ และ การท่าเรือ เอฟซี ทำให้เขากลายเป็นกุนซือรายที่ 6 ของ ไทยลีก 2022-23 ที่ไม่ได้ไปต่อจนจบฤดูกาล และนี่คือเหตุผลที่เฮดโค้ชชาวอังกฤษ ต้องกลายเป็นอดีตกับสิงห์เจ้าท่า!!

[ 1 ] ผลงานไม่เข้าเป้า

   การรั้งอันดับ 5 ของตาราง โดยมีแต้มตามหลังจ่าฝูงอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่ถึง 11 คะแนน ไม่ใช่เรื่องที่น่าพอใจแน่ๆ สำหรับสโมสรที่ทุ่มทุนไปมากมายอย่าง การท่าเรือ เอฟซี

   พวกเขามีทั้ง วรวุฒิ ศรีสุภา, เอเลียส ดอเลาะ, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, เควิน ดีรมรัมย์, วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ, ปกรณ์ เปรมภักดิ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, บดินทร์ ผาลา, เบนจามิน เดวิส และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ซึ่งเป็นกลุ่มนักเตะที่อยู่ในข่ายทีมชาติไทย ชุดปัจจุบัน

   ไม่นับรวม ฟิลิป โรลเลอร์ ที่บาดเจ็บยาว บวกกับ อดิศร พรหมรักษ์ ที่ร่างกายยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ 

   เช่นเดียวกับก๊วน 'อดีต' ทีมชาติอย่าง ชาริล ชัปปุยส์,  ธนาสิทธิ์ ศิริผลา และ นูรูล ศรียานเก็ม

   ขณะที่โควตาต่างชาติ แอร์ตอน, แฮมิลตอน โซอาเรส, ฟรานส์ ปูโตรส, เนเกบา ผู้มาใหม่ก็มีค่าเหนื่อยค่อนข้างสูง เมื่อรวมกับคนเก่าทั้ง ดาบิด โรเชล่า และ เซร์คิโอ ซัวเรซ ก็ยิ่งบวกไปอีกสูงลิ่ว

   งบประมาณและขนาดทีม การท่าเรือ ค่อนข้างใหญ่เอาการ แต่ผลงานกลับสวนทาง และนั่นจึงเป็นหนึ่งในปัจจุบันที่ทำให้ คูเปอร์ ต้องกลายเป็นอดีตกุนซือ

[ 2 ] ทรงบอลไม่โสภา

   การท่าเรือ เอฟซี ออกสตาร์ต 3 เกมแรกด้วยความดุดัน แม้จะเสมอกับ ลำพูน วอร์ริเออร์ส ในนัดเปิดสนาม ทว่าจากนั้นอีก 2 แมตช์ พวกเขาถลุงคู่แข่งไปถึง 9 ประตู

   อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่บุกไปแพ้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 2-4 (ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ถูกไล่ออกจากสนามตั้งแต่ครึ่งแรก) พวกเขาก็อยู่ในฟอร์มที่ค่อนข้าง 'หนืด' มากๆ 

   หนืดในที่นี้หมายถึงความอึดอาดระหว่างการแข่งขัน - ปกติแล้ว ไม่ว่ายุคใด สิงห์เจ้าท่าคือหนึ่งในทีมที่เล่นฟุตบอลเอนเตอร์เทนเสมอ ทว่าการมี สกอตต์ คูเปอร์ นั่งเป็นเฮดโค้ช การท่าเรือ ดูจะเน้นเรื่องผลการแข่งขันมากจนเกินไป

   สิ่งที่สะท้อนออกมาคือการเสมอไปถึง 7 จาก 13 นัดที่ลงสนาม

   แม้ว่าการเผชิญหน้ากับทีมใหญ่อย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด, เมืองทอง ยูไนเต็ด และ เชียงราย ยูไนเต็ด พวกเขาจะไม่ปราชัยเลย แต่รูปเกมที่ออกมา บ่งชี้ได้ชัดเจนว่า คูเปอร์ ไม่ใช่กุนซือที่ชอบความเสี่ยงนัก 

   โดยเฉพาะเกมที่บุกไปเสมอกิเลนผยอง 0-0 ซึ่งห้วงเวลานั้นอดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย กำลังฟอร์มระส่ำและมีเกมรับที่ย่ำแย่ แต่เทรนเนอร์ชาวอังกฤษ เลือกที่จะดร็อป ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ที่เป็นท็อป 'แอสซิสต์' ของทีมไว้ข้างสนาม

   ด้วยรูปแบบการเล่นโดยรวมที่ค่อนข้างจะเพลย์เซฟไปหน่อย มันจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ คูเปอร์ ไม่ได้ไปต่อจนจบฤดูกาล

[ 3 ] เกมรับแก้ไม่หาย

   ผ่าน 13 เกม ใน ไทยลีก มีเพียง 4 นัด เท่านั้นที่ การท่าเรือ เอฟซี สามารถรักษา 'คลีนชีต' เอาไว้ได้ 

   โดย 3 ใน 4 คือการเผชิญหน้ากับทีมที่อยู่ในโซนด้านล่างของตารางอย่าง ลำพูน วอร์ริเออร์ส, หนองบัว พิชญ เอฟซี และ นครราชสีมา เอฟซี 

   ด้วยขุมกำลังในแดนหลังที่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ทีม แถมยังได้ ฟรานส์ ปูโตรส กับ แอร์ตอน ย้ายเข้ามาใหม่ ซึ่งในทีแรกผู้สันทัดฟุตบอลไทย ต่างชื่นชมว่า การท่าเรือ 'เกาถูกที่คัน' ได้สักที เพราะปัญหาที่เป็นมาโดยตลอดคือ 'เกมรับ'

   แต่เล่นไป-เล่นมา ตอนนี้สิงห์เจ้าท่าถูกเจาะตาข่ายไปถึง 14 ลูก เลยทีเดียว

   ที่น่าแปลกใจคือการที่ สกอตต์ คูเปอร์ เป็นโค้ชที่โดดเด่นในเรื่องการขันเกมรับให้เหนียวแน่น และมีแท็กติกที่รัดกุม แต่กลับไม่สามารถขจัดจุดบอดที่เป็นมาอย่างช้านานของ การท่าเรือ ให้หลุดพ้นได้สำเร็จ

   4 จาก 7 เกม ที่พวกเขา 'เสมอ' กับคู่แข่ง นั้นเป็นสิงห์เจ้าท่าที่ขึ้นนำไปก่อน แต่มาถูกยิงเจ๊าได้ จนพลาด 3 คะแนน ไปแบบน่าเจ็บปวด

   ในเมื่อปัญหาเกมรับไม่ได้รับการสะสางสักที มันจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ คูเปอร์ ต้องเดินจากไปจาก แพท สเตเดี้ยม

[ 4 ] เค้นศักยภาพผู้เล่นไม่สุด

   แน่นอนว่าการรั้งอันดับ 5 ของตารางไม่ใช่เรื่องแย่ เพราะการแข่งขันยังอีกยาวไกล และมีคะแนนให้เก็บอีกบานตะไท

   ทว่าด้วยงบประมาณของ การท่าเรือ เอฟซี ที่ทุ่มทุนลงไป การมีแต้มห่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นจ่าฝูง นั้นคงไม่ใช่เรื่องดีนัก และมันสะท้อนให้เห็นถึงการที่ สกอตต์ คูเปอร์ ไร้ประสิทธิภาพในการดึงศักยภาพที่ดีที่สุดของผู้เล่นออกมาเพื่อผลการแข่งขันที่ต้องการ

   นักเตะหลายๆ รายไม่อยู่ในฟอร์มที่ดีนักภายใต้การกำกับของเทรนเนอร์ชาวอังกฤษ 

   ไล่ตั้งแต่ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่เพิ่งรับปลอกแขนกัปตันทีมในซีซั่นนี้ แถมยังได้เล่นมิดฟิลด์ตัวรับตามถนัดอีกต่างหาก แต่ฟอร์มของกองกลางวัย 29 ปี ก็ยังห่างไกลกับวันวาน

   ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ที่อาจจะทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ แต่นั่นเกิดขึ้นในเกมนัดเดียวกับ ประจวบ เอฟซี ซึ่งถือว่ามาตรฐานของเขาตกลงไปมากๆ จากฤดูกาลก่อน

   ฟรานส์ ปูโตรส ผู้มาพร้อมดีกรีทีมชาติอิรัก ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าดีพอจะเป็นที่พึ่งพาในเกมรับ ซึ่งมันส่งผลถึง แอร์ตอน ที่ก็มาใหม่เช่นกัน และก็อยู่ในฟอร์มการเล่นพื้นๆ แตกต่างจากตอนอยู่กับ หนองบัว พิชญ เอฟซี

   วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ กองกลางอนาคตไกล แต่ก็ยังไม่มีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันที่แสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวข้ามคำว่า 'ดาวรุ่ง'

   เนเกบา อดีตเยาวชนชุดแชมป์เยาวชนโลกกับบราซิล เมื่อปี 2011 - ทรงดีและความสามารถเฉพาะตัวล้นเหลือ แต่เมื่อมองถึงประสิทธิภาพโดยรวม ยังถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์

   เบนจามิน เดวิส แนวรุกเชื้อสายอังกฤษ ผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ที่รอวันฉายแสง แต่ก็ยังไม่อาจสำแดงฤทธิ์เดชได้เต็มที่ 

   จะมีที่ดูดีหน่อยคือ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในซีซั่น 2022-23 

   ส่วนพวกที่อยู่ในระดับมาตรฐานเดิมคือ วรวุฒิ ศรีสุภา, บดินทร์ ผาลา, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, เควิน ดีรมรัมย์ และ แฮมิลตอน แต่โดยรวมยังไม่ถือว่าสามารถช่วยให้ทีมพุ่งชนเป้าหมายที่วางไว้

   ดังนั้นการที่โค้ชไม่สามารถดึงศักยภาพนักเตะของตนเองออกมาใช้ได้อย่างเต็มขีดจำกัด มันจึงสะท้อนไปถึงผลการแข่งขันที่ออกมา และนั่นจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ คูเปอร์ ต้องแยกทางกับ การท่าเรือ


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport