การประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ครั้งที่ 14 ประจำฤดูกาล 2567/68 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน ได้พิจารณากรณีเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันกีฬาฟุตบอลลีกอาชีพต่างๆ
เริ่มจากเกมไทยลีก วันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 คู่ระหว่างสโมสร อุทัยธานี เอฟซี พบ สโมสร นครปฐม ยูไนเต็ด มีเหตุการณ์ในช่วงหมดเวลาการแข่งขันครึ่งเวลาแรก มีเหตุการณ์กระทบกระทั่ง มีการยั่วยุกัน ของกองเชียร์ของสโมสร อุทัยธานี เอฟซี และ กองเชียร์สโมสร นครปฐม ยูไนเต็ด โดยมีกองเชียร์ของสโมสร อุทัยธานี เอฟซี ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามขวามือของอัฒจันทร์หลัก ใส่เสื้อสีดำ เดินไปเหยียบธงเชียร์ของสโมสร นครปฐม ยูไนเต็ด ทำให้เกิดความไม่พอใจกัน และได้ลงมาทะเลาะวิวาทกัน บริเวณหลังอัฒจันทร์ฝั่งกองเชียร์ทีมเยือน แต่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เข้าระงับเหตุและควบคุมสถานการณ์ไว้
ผลพิจารณา 1.ลงโทษกองเชียร์สโมสร อุทัยธานี เอฟซี ก่อการทะเลาะวิวาท ในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.10 ปรับเงิน 100,000 บาท , 2.ลงโทษสโมสร อุทัยธานี เอฟซี ไม่สามารถป้องกันเหตุที่เกิดขึ้นจากการกระทำในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.18 (2) ปรับเงิน 10,000 บาท และ 3.ลงโทษกองเชียร์สโมสร นครปฐม ยูไนเต็ด แม้ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุก่อน แต่ได้กระทำการตอบโต้จนเหตุการณ์บานปลาย มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.10 วรรคสาม ปรับเงิน 50,000 บาท
อีกเหตุการณ์ในเมืองไทยลีก หรือ ไทยลีก2 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 คู่ระหว่างสโมสร พลังกาญจน์ เอฟซี พบ สโมสร พัทยา ยูไนเต็ด มีเหตุการณ์ก่อนการแข่งขันได้รับแจ้งจาก Security Officer สโมสร พลังกาญจน์ เอฟซี ว่าแฟนบอลสโมสร พัทยา ยูไนเต็ด บางส่วน มีการจุดพลุควันบริเวณลานจอดรถข้างสนามแข่งขันด้านหลังอัฒจันทร์กองเชียร์ทีมเยือน และใกล้กับรถบัสของกองเชียร์สโมสร พัทยา ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่ในสถานที่จัดการแข่งขัน ตามภาพที่ได้รับจากฝ่ายรักษาความปลอดภัย และเวลาตั้งแต่จุดจนดับใช้เวลาประมาณ 5 นาที
ผลพิจารณา คือ สั่งลงโทษกองเชียร์สโมสร พัทยา ยูไนเต็ด กระทำการที่ไม่เหมาะสมในสถานที่จัดการแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.3 ปรับเงิน 40,000 บาท แต่เนื่องจากเป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 2 จึงลงโทษปรับสองในสาม ปรับเงิน 26,666 บาท
ขณะที่ในไทยลีก3 เกมเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 คู่ระหว่างสโมสร พัทลุง เอฟซี พบ สโมสร นรา ยูไนเต็ด มีเหตุการณ์กรณีที่ 1 หลังจบการแข่งขัน นายวสันต์ รักดี เจ้าหน้าที่มีเดีย สโมสร นรา ยูไนเต็ด ได้มายืนดักรอผู้ตัดสินบริเวณลู่วิ่ง และได้เข้ามาพูดกับผู้ตัดสินว่า ในลักษณะก้าวร้าว ข่มขู่ผู้ตัดสิน และ กรณีที่ 2 หลังจบการแข่งขัน กองเชียร์สโมสร นรา ยูไนเต็ด ได้วิ่งมาจากอัฒจันทร์ที่นั่งฝั่งทีมเยือน ผ่าน รั้วกั้นระหว่างทีมเหย้าและทีมเยือน เพื่อวิ่งมาปาขวดน้ำ ใส่ผู้ตัดสิน ขวดน้ำได้โดนผู้ตัดสินที่ 4 และวิ่งกลับไปฝั่งอัฒจันทร์
ผลพิจารณา มีดังนี้ 1.ลงโทษนายวสันต์ รักดี เจ้าหน้าที่มีเดีย สโมสร นรา ยูไนเต็ด ข่มขู่ผู้ตัดสิน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 2.6 ถูกพักการทำหน้าที่ 2 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 10,000 บาท , 2.ลงโทษกองเชียร์สโมสร นรา ยูไนเต็ด ขว้างปาวัสดุใด ๆ เข้าไปในสนาม เป็นการกระทำต่อเจ้าหน้าที่การแข่งขัน มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 4.4 ปรับเงิน 30,000 บาท เนื่องจากกองเชียร์สโมสร นรา ยูไนเต็ด ถูกลงโทษไปแล้วจากการกระทำผิด เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2567 เป็นการกระทำความผิดตามระเบียบนี้ซ้ำในข้อเดียวกันภายในฤดูกาลแข่งขันเดียวกัน ตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 ให้พิจารณาเพิ่มโทษอีกไม่เกินกึ่งหนึ่งของกำหนดโทษที่จะลง จึงเพิ่มโทษกองเชียร์สโมสร นรา ยูไนเต็ด ปรับเงินเพิ่มอีก 15,000 บาท รวมโทษปรับเงิน 45,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 11,250 บาท , 3.สโมสร พัทลุง เอฟซี มีความบกพร่องในการตรวจเช็ค หรือควบคุมไม่ให้กองเชียร์หรือบุคคลใดนำวัสดุต้องห้ามเข้าไปในสถานที่จัดการแข่งขันหรืออัฒจันทร์ มีความผิดตามระเบียบว่าด้วยการลงโทษฯ บทที่ 3 หมวดที่ 2 ข้อ 5.3.18 (1) ปรับเงิน 30,000 บาท แต่เป็นการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการไทยลีก 3 จึงลงโทษปรับหนึ่งในสี่ ปรับเงิน 7,500 บาท