ที่มาความไฉไลของทัพค้างคาวไฟ

   ตอนต้นฤดูกาล ทัพค้างคาวไฟก็ต้องประสบปัญหาอยู่พอสมควร กับการที่ผู้เล่นต่างชาติยังไม่พร้อมในเรื่องของความฟิต โดยเฉพาะในเกมที่บุกไปโดน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถลุงยับ 6-1 นั้นมีเพียง ออสมัน โซว์ เพียงรายเดียวเท่านี้ที่ลงสนามในโควตาแข้งนอก แถมยังเล่นไม่ครบ 90 นาที อีกต่างหาก

    แม้จะเคยโลดแล่นอยู่ใน ไทยลีก มานานพอควร และเพิ่งหล่นสู่ ไทยลีก 2 แค่ซีซั่นเดียว ทว่าตอนที่อยู่ในลีกรอง เดนนิส อมาโต้ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ทำทีมด้วยสไตล์ฟุตบอลบุก 

    มันคือที่มาของการที่ สุโขทัย คือสโมสรที่ยิงได้เยอะที่สุดในซีซั่น 2021-22 (78 ประตู) ก่อนจบด้วยรองแชมป์ ไทยลีก 2

    ผลพวงจากการที่ยังเล่นฟุตบอลเอนเตอร์เทนเหมือนเดิม แต่ขุมกำลังยังไม่แข็งแรงพอ ปรากฏว่า 4 เกมแรกในการหวนคืนสู่ลีกสูงสุด ค้างคาวไฟปราชัยไป 3 เกม แถมยิงได้เพียงลูกเดียวเท่านั้น

    พวกเขาจมอยู่โซนสีแดงร่วมกับ โปลิศ เทโร เอฟซี, ขอนแก่น ยูไนเต็ด และ หนองบัว พิชญ เอฟซี

    แน่นอน ฟอร์มแบบนี้ ใครๆ ก็มองว่า สุโขทัย น่าจะไปไม่รอด

    ในห้วงที่ผลงานที่ย่ำแย่ หลายๆ สโมสรเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงเฮดโค้ชเป็นลำดับแรก เพื่อกู้วิกฤติให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ แต่นั่นไม่ใช่ที่ ทะเลหลวง สเตเดี้ยม เพราะที่นี่ยังเชื่อในตัว อมาโต้ อยู่เต็มเปี่ยม

    บอร์ดบริหารของ สุโขทัย รวมไปถึงผู้จัดการทีมอย่าง เขตพงศ์ กุลนาถศิริ มั่นใจว่ากุนซือวัย 42 ปี จะเป็นแม่ทัพกำกับทิศทางของทีมไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิม

    นับตั้งแต่เปิดบ้าน หยุดความร้อนแรงของ แบงค็อก ยูไนเต็ด ด้วยการเสมอ 0-0 จากนั้นเป็นต้นมา พวกเขาโกยได้ถึง 16 คะแนน จาก 9 นัด ที่ลงสนาม ก่อนจะถีบตัวเองมาอยู่อันดับ 8 ของตาราง

    เหตุผลหลักที่ สุโขทัย เปลี่ยนไปมีอยู่หลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนักเตะต่างชาติที่กลับมาฟิตสมบูรณ์, สไตล์การเล่นที่ใช้เรื่องของกลยุทธ์เข้าสู้ และที่สำคัญคือ 'หัวใจ' ที่เป็นหนึ่งเดียวกันของทุกคนในสโมสร

    ลาแอร์ซิโอ โซลด้า เป็นผู้บัญชาการในแนวรับ, เรียวเฮ อะราอิ กองกลางตัวรับชาวญี่ปุ่น คือคีย์แมนสำคัญตรงกลางสนาม โดยมี ออสมัน โซว์ เป็นความหวังสูงสุดของการทำประตู

    พอแกนหลัก 3 คนนี้ร่างกายสมบูรณ์ อะไรต่อมิอะไรก็ดูจะลงล็อกกว่าเก่า โดยเฉพาะเซนเตอร์ฮาล์ฟชาวบราซิล ที่ฟอร์มเด็ดดวงเหลือเกินในนัดล่าสุดที่บุกไปเฉือนชนะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 1-0

    เมื่อประกอบกับผู้เล่นไทย อย่าง ศฤงคาร พรหมสุภะ ปราการหลังวัย 25 ปี ที่ดุดันและเข้าสกัดได้หนักหน่วง จนมีชื่อเป็น 1 ใน 75 ขุนพลทีมชาติไทย ชุด อาเซียน คัพ 2022

    ศิลา ศรีกำปัง ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องชื่นชมกับสิ่งที่ทุ่มเทเพื่อสโมสร อีกทั้งมาตรฐานการเล่นก็อยู่ในระดับสูง ทั้งๆ ที่อายุ 33 ปี แต่ความฟิตของฟูลแบ็กชาวระยอง ยังคงเหมือนเด็กหนุ่มอยู่เลย

    สไตล์การเล่นของ สุโขทัย เปลี่ยนไปจากที่เคยบุกแหลกไม่เกรงกลัวใคร มาเป็นเล่นอยากอดทน พวกเขาช่วยกันวิ่งบีบพื้นที่ ไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้เล่นง่ายๆ 

    อมาโต้ อาจจะเป็นโค้ชที่นิยมเกมรุก แต่เขาก็ต้องปรับรูปแบบการเล่นใหม่ เพื่อให้ทีมมีความยืดหยุ่นและได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ

    เกมรับได้กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของทีมค้างคาวไฟไปแล้วในตอนนี้ เพราะว่า 9 นัด หลังสุด พวกเขาทำได้ถึง 5 คลีนชีต เลยทีเดียว

    ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ สุโขทัย กลับมาทำผลงานที่ดีนั้นคือ 'การรวมใจ' ของทุกคนภายในทีม

    พวกเขาใช้ความสามัคคีเป็นพลังในการต่อกรกับคู่แข่ง - แบงค็อก, เชียงราย ยูไนเต็ด, ราชบุรี เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี และ บีจี ปทุม คือรายชื่อกลุ่มหัวตารางที่ค้างคาวไฟไม่ได้เพลี่ยงพล้ำให้ในฤดูกาลนี้

    แถมยังโชว์ทีเด็ดแบบหักปากกาเซียนทุกสำนักด้วยการบุกไปชนะทีมกระต่ายแก้วได้ถึงถิ่น 1-0 อีกต่างหาก   

    ทั้งหมดทั้งมวลมาจากการที่ สุโขทัย ฮึดสู้ สู้ด้วยจิตวิญญาณ สู้ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน มันจึงส่งผลออกถึงฟอร์มการเล่นในสนามที่ทะยานออกจากโซนตกชั้นไปไกลแล้ว

    แม้จะเร็วเกินไปที่จะบอกว่า อมาโต้ และลูกทีมจะอยู่รอดแน่ๆ ใน ไทยลีก เพราะหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล และที่สำคัญ ในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

    แต่สิ่งหนึ่งที่สาวกค้างคาวไฟมั่นใจได้เลยว่าฤดูกาล 2022-23 จะเป็นซีซั่นที่น่าจดจำของพวกเขา เพราะว่าความกลมเกลียวภายในทีมนี่แหละจะทำให้ทุกๆ อย่างผ่านพ้นไปด้วยดี

    ที่สำคัญ หากไม่มีอะรผิดพลาด เลกที่สองชาวสุโขทัย เตรียมรอรับของขวัญชิ้นใหญ่ได้เลย เพราะจะมีนักเตะคนเก่งกลับมาวิ่งบนฟอร์หญ้าที่สนาม ทะเลหลวง อีกครั้ง

    ผู้เล่นที่กล่าวถึงจะเป็นใครนั้น เดี๋ยวต้นปี 2023 คงจะได้รู้โดยทั่วกัน

ชิกกะด้าว