ซูเปอร์บิ๊ก แมตช์ ไทยลีก 2024-25 สัปดาห์ที่ 10 ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม เวลา 20:00 น. ซึ่งเกมนี้มีความน่าสนใจมากมายหลายสิ่งอย่าง ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงอยากนำมาแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2024 เวลา 20:00 น. ถ่ายทอดสดทาง True Visions Now (True Ball Thai 3)
[ 1 ] ศิษย์เก่ากิเลนผยองคืนถิ่น
ผู้เล่น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ชุดปัจจุบันยังคงอุดมไปด้วยบรรดาคนเคยมี 'อดีต' กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด มากมาย ไล่ตั้งแต่ ธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป สรงกระสินธ์, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, ศิวกรณ์ เตียตระกูล และ มาร์โก บัลลินี่
3 รายแรกถือเป็นนักเตะที่อยู่ในระดับขวัญใจชาว ธันเดอร์โดม ขนานแท้ โดยเฉพาะ ธีรศิลป์ ที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในตำนานกิเลนผยอง
ขณะที่ ชนาธิป เองอาจจะอยู่ในระยะสั้นๆ (2016-2017) แต่ก็ฝากผลงานอันน่าจดจำไว้มากมาย อีกทั้ง เมืองทอง ยังเป็นสโมสรที่ผลักดันให้เขาไปโลดแล่นใน เจลีก อีกต่างหาก ส่วนในรายของ เจริญศักดิ์ ที่เพิ่งย้ายกลับรัง บีจี สเตเดี้ยม นั้นก็เป็นแข้งที่แฟนๆ ต่างให้ความรักใคร่ไม่เบาเลยทีเดียว
ดังนั้นการมาเยือนสนาม ธันเดอร์โดม ของ 5 ผู้เล่นกระต่ายแก้ว จึงเป็นเหมือนการย้อนวันวานอันหอมหวานนั่นเอง
[ 2 ] เช็คฟอร์ม บีจี ยุคเปลี่ยนโค้ช
บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ประกาศแยกทางกับ มาโกโตะ เทกูระโมริ เป็นหนที่สองไปเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม หรือสัปดาห์กว่าๆ ซึ่งนั่นทำให้เก้าอี้เฮดโค้ช เดอะ แรบบิต ว่างลง โดยมีรายงานระบุว่าบอร์ดบริหารปรารถนาจะนำเข้า ดุงก้า อดีตกุนซือทีมชาติบราซิล สู่ ไทยลีก
อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ดังนั้นแม่ทัพผู้กุมบังเหียนกระต่ายแก้วจะเป็น สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ ที่จะคัมแบ็กสู่ตำแหน่งเทรนเนอร์เป็นรอบที่ 5 หลังจากก่อนหน้านี้เคยรับหน้าที่นี้มาบ่อยๆ
จากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้น่าสนใจว่าระบบการเล่นของ บีจี ปทุม จะปรับมาเป็นกองหลัง 4 คน หรือไม่ เพราะตอนที่ เทกูระโมริ คุมทีม เขามักจะใช้กลยุทธ์ 3-5-2 เป็นหลัก
นอกจากนี้ ผลงานของผู้เล่นที่ค่าเหนื่อยแพงระยับจะกระเตื้องขึ้นไหม เนื่องจากที่ผ่านมาถูกวิจารณ์แบบล้นหลามว่ายังโชว์ฟอร์มได้ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย
ดังนั้น 'บอลเปลี่ยนโค้ช' จึงเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่เบาทีเดียว
[ 3 ] เมืองทอง และการผลักดันนักเตะไทย เต็มตัว
ตั้งแต่เปิดฤดูกาล 2024-25 เป็นต้นมา เมืองทอง ยูไนเต็ด คือทีมที่ผลักดันนักเตะสัญชาติไทย อย่างแท้จริง กับการที่เปิดโอกาสให้บรรดาแข้งสยามประเทศได้ลงไปเฉิดฉายบนฟลอร์หญ้าแบบสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่เฉพาะ ไทยลีก หากแต่ในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ที่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจะพัฒนาฟุตบอลในระยะยาว
เกมที่กิเลนผยองบุกเยือน ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ณ เกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีนักเตะต่างชาติอยู่ใน 11 ผู้เล่นตัวจริงเพียง 3 คน เท่านั้นคือ อาลี ซิสโซโก้ (ฝรั่งเศส), จอห์น-พาทริก สเตร้าส์ (ฟิลิปปินส์) และ เอมิล โรบัค (สวีเดน) ซึ่งต่างจากหลายๆ สโมสรที่จัดเต็มโควตา
ส่วนการแข่งขันใน ไทยลีก - กิเลนผยองก็ไม่ได้จัดนักเตะลงสนามแบบเต็มอัตราที่กำหนด คือ 3 ต่างชาติ + 1 เอเชีย + 3 อาเซียน พร้อมกับเปิดโอกาสให้แข้งที่เติบโตจากระบบเยาวชนสโมสรได้สัมผัสเกมแบบต่อเนื่อง
นี่คือแนวทางที่ เมืองทอง ใช้มาสักระยะหนึ่งแล้ว แม้จะเป็นการยากสำหรับการก้าวไปลุ้นแชมป์ลีกแบบเต็มตัวเหมือนเก่าก่อน แต่อย่างน้อย สิ่งที่พวกเขาปรารถนาคือ 'พัฒนา' ฟุตบอลไทย อย่างแท้จริง ซึ่งน่าชื่นชมและสนับสนุนให้ไปให้สุดบนเส้นทางนี้
[ 4 ] ยัง บลัด ฟัดกันสนั่น
เจ้าถิ่น เมืองทอง ยูไนเต็ด เลื่องชื่อเรื่องการปั้นนักเตะมาแสนนาน พวกเขาวางรากฐานสโมสรด้วยระบบอะคาเดมี่ที่ยั่งยืน ทั้งยังให้โอกาสกับผู้เล่นอายุน้อยในทุกๆ ซีซั่น จนหลายๆ รายก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างมั่นคง
ฤดูกาล 2024-25 มีแข้งวัยรุ่นอยู่ในรั้ว ธันเดอร์โดม ไม่น้อย ไล่ตั้งแต่ ปุรเชษฐ์-ปิยณัฐ ทอดสนิท, โสภณวิชญ์ รักญาติ, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ และ คคนะ คำยก ซึ่งรายชื่อเหล่านี้คือทีมชาติไทย ชุดเยาวชน แถมบางคนยังขึ้นชุดใหญ่ไปแล้ว
นี่คือเหล่าผู้เล่นที่จะเป็น 'อนาคต' ของทีมชาติไทย อย่างแท้จริง
ขณะที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เองก็ไม่น้อยหน้า เพราะพวกเขามี อิรฟาน ดอเลาะ, วรินทร จำนงค์วัตร์, ธวัชชัย อินทร์ประโคน, ชนภัช บัวพันธ์ และ วาริส ชูทอง ซึ่งผ่านเวทีช้างศึกรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทั้งนั้น
ทั้งสองฝั่งต่างมีผู้เล่นดาวรุ่งที่รอวันเฉิดฉายมากมาย แถมแต่ละรายก็มีดีที่พร้อมจะสำแดงเดชต่อหน้าแฟนฟุตบอล ดังนั้นเกมที่กิเลนผยองจะลงฟัดกระต่ายแก้ว มันจึงเป็นเหมือนการเผชิญหน้าของคู่แข่งที่ให้ความสำคัญกับระบบเยาวชนเช่นกัน
[ 5 ] สองสโมสรที่ทุ่มเพื่อฟุตบอลไทยแบบเต็มหัวใจ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เมืองทอง ยูไนเต็ด คือสโมสรที่ 'จุดประกาย' วงการฟุตบอลไทย อย่างแท้จริง เพราะพลันที่พวกเขาเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเมื่อปี 2009 นับตั้งแต่นั้นมาก็มีอีกหลายๆ ทีมเดินตามแนวทางพัฒนาลูกหนังของกิเลนผยอง
การบริหารจัดการแบบมืออาชีพ, การสร้างมูลค่าทางการตลาด, การวางโครงสร้างระบบเยาวชน, การสร้างสนามแข่งขันแบบไร้ลู่วิ่งเพื่อความใกล้ชิดของแฟนๆ และอื่นๆ อีกมากมายที่ยอดทีมแห่งย่านแจ้งวัฒนะได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการ
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นมาจาก 'ความหลงใหล' ในกีฬาลูกหนังแบบหัวปักหัวปำของบอร์ดสโมสร
วันเวลาผันผ่าน ปัจจุบัน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็เป็นอีกหนึ่งทีมที่ค่อยๆ พัฒนาศักยภาพในทุกๆ ด้าน ทั้งยังสนับสนุนผู้เล่นไทย ให้ไปค้าแข้งต่างประเทศแบบชัดเจน และที่สำคัญคือการนำนักเตะชั้นนำเข้ามาสร้างมูลค่าให้กับสโมสร
แน่นอนว่าเม็ดเงินที่ เดอะ แรบบิต เทลงไปนั้นมาจาก 'ใจรัก' ในฟุตบอลเช่นเดียวกัน
ด้วยสภาพเศรษฐกิจในเวลานี้ การทำทีมนั้นเป็นเรื่องยากลำบากมากๆ เพราะต้องต่อสู้กับหลายๆ เรื่อง ทว่ากิเลนผยองและกระต่ายแก้วยังคงเดินหน้าฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมๆ กันด้วยความมุ่งมั่น
ดังนั้น ซูเปอร์ บิ๊ก แมตช์ ในวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม ระหว่าง เมืองทอง กับ บีจี ปทุม นั้นเป็นการเผชิญหน้าของสองทีมที่ปรารถนาดีต่อฟุตบอลไทย โดยแท้จริง