บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีการเปลี่ยนแปลง 'เฮดโค้ช' มากที่สุดของเมืองไทย
นับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา พวกเขาใช้กุนซือไปแล้วทั้งหมด 15 ราย ก่อนที่ แมตต์ สมิธ จะเข้ามารับงานต่อจาก มาโกโตะ เทกูระโมริ ซึ่งนับเป็นคนที่ 16
แน่นอนว่าปัจจุบัน เดอะ บลู แมชีน คือทีมที่มีศักยภาพลุ้นทุกโทรฟี่ที่เข้าแข่งขัน เพราะหลังจากที่พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นยอดทีมของสยามประเทศด้วยการคว้าแชมป์ ไทยลีก 2020-21 ได้อย่างยิ่งใหญ่
ทรัพยากรนักเตะ บีจี ปทุม อัดแน่นไปด้วยผู้เล่นเกรดท็อปของไทยแลนด์ ตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า ไม่ว่าจะแข้งในประเทศ, โควตาอาเซียน หรือบรรดาก๊วนที่อิมพอร์ตมาจากต่างแดน
แถมยังแบ่งออกได้เป็น 2 ทีม เลยด้วยซ้ำ
เท่านั้นไม่พอ ทีมงานหลังบ้านของพวกเขาก็ครบครัน ด้วยการบริหารแบบมืออาชีพสุดๆ โดยเฉพาะเรื่องของการนำหลักวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเพิ่มศักยภาพให้กับสโมสร
ด้วยองค์ประกอบที่พร้อมสรรพขนาดนี้ เป้าหมายเดียวของ บีจี ปทุม จึงต้องเป็น 'แชมป์' สถานเดียว
ทว่าผลงานในฤดูกาล 2022-23 กลับสวนทางกับสิ่งที่ทัพกระต่ายแก้วมี
18 คะแนน จาก 11 นัด - รั้งอันดับ 7 ของตาราง โดยตามหลังจ่าฝูง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อยู่ถึง 9 แต้ม
ตัวเลขนี้บ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่ามันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับสโมสรที่อุดมไปด้วยนักเตะชั้นนำของประเทศอย่าง บีจี ปทุม
นั่นจึงทำให้ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในตำแหน่งเฮดโค้ช
การกลับมาของ สมิธ กับบทบาทใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม จึงเป็นความท้าทายทั้งกับตัวเขาเอง รวมไปถึงสโมสรที่ก็หวังจะกลับมายืนในจุดที่ควรจะเป็น
อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งอดีตกัปตันทีมคนนี้ก็ถือว่า 'สุ่มเสี่ยง' ไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเคยคุมเพียง บริสเบน ซิตี้ (เป็นโค้ชแอนด์เพลเยอร์) ซึ่งอยู่ในลีกรองของออสเตรเลีย ก่อนจะมานั่งตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดให้กับ บริสเบน โรร์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
แม้จะได้ในเรื่องของบารมี เพราะสมัยเป็นนักเตะ สมิธ ถือว่าได้รับการยอมรับจากผู้เล่นไทย ทุกราย ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าทีมคนคนแรกที่ที่เป็นชาวต่างชาติ
ทว่าเรื่องของประสบการณ์ทางด้านงานโค้ช โดยเฉพาะด้านแท็กติก ตรงจุดนี้แหละที่อดีตแข้งผู้มาพร้อมปริญญาโทด้านบริหารและจัดการการจัดการกีฬา จะต้องเจอบททดสอบใน ไทยลีก อีกมากมาย
แต่การอ่อนพรรษาก็ใช่ว่าจะด้อยค่าได้ เพราะตัวอย่างที่เห็นชัดๆ คือ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่ไปได้สวยกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด แม้จะสะดุดอยู่บ้าง ทว่าก็ยังกลับมาได้อย่างสง่าผ่าเผย
ดังนั้นจึงน่าสนใจว่าต่อจากนี้ ทิศทางของ บีจี ปทุม จะเป็นเช่นไรต่อไป ภายใต้การกำกับของอดีตกัปตันกระต่ายแก้วระหว่างปี 2015-17
งานนี้คือความ 'ท้าทาย' ของทั้งสโมสรและรวมไปถึงตัวของ สมิธ เองว่าจะนำทีมกลับมายืน ณ จุดจุดเดิมได้หรือไม่
หากสำเร็จ มันก็เป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า แถมยังได้โค้ชอายุน้อยที่สามารถสร้างทีมได้ในระยะยาว
แต่ถ้าผลงานของ บีจี ปทุม ยังไม่กระเตื้องขึ้น เมื่อนั้นความเปลี่ยนแปลงก็คงจะเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน
"ชิกกะด้าว"