แด่ผู้ชายที่ชื่อ...กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์

   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิเสธช่อดอกไม้ รวมไปถึงพลุแฟร์ที่สะเก็ดไฟทำให้รถกระบะที่จอดอยู่ข้างสนามกีฬาธรรมศาสตร์-รังสิต มอดไหม้

   แต่เรื่องที่กลบทุกกระแสหลังการแข่งขันคือการที่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตู เมืองทอง โพสต์ประกาศ 'แขวนถุงมือ' อย่างเป็นทางการ ยุติอาชีพนักฟุตบอล 17 ปี ที่โลดแล่นอยู่ในวัฏจักรลูกหนัง

   นี่คือการตัดสินใจที่ยากลำบาก เพราะในวัยเพียง 34 ซึ่งถือเป็นอายุปกติของผู้เล่นในตำแหน่งนี้ แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวของจอมหนึบทีมชาติไทย ทำให้เขาอำลาฟลอร์หญ้าอันเป็นที่รักยิ่ง

   กวินทร์ คือนักกีฬาอาชีพที่เป็นแบบอย่างขนานแท้ เขาใช้ฟุตบอลเป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตให้ไปข้างหน้า แน่นอนว่าเป้าหมายของเจ้าตัวย่อมคือการติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ในสักวันหนึ่ง

   เขาและเพื่อนร่วมรุ่นที่โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี อย่าง ธีราทร บุญมาทัน กับปวีณวัช บุญยง เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่ 12 ขวบ แล้วก็ถูกเรียกติดทัพช้างศึกชุดเยาวชนพร้อมๆ กัน 

   ทว่าพอผ่านถึงระดับสโมสร กวินทร์ มาสร้างชื่อกับ เมืองทอง ในปี 2008 และตอนนั้นชื่อของเขายังไม่เป็นที่คุ้นชินของแฟนๆ เท่าไรนัก เพราะอายุยังน้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง ผลลัพธ์ที่ตามมาจึงเกินคาดคณานับ

   เด็กหนุ่มวัยเพียง 18 ปี ได้ประเดิมเฝ้าเสาให้กิเลนผยองที่ตอนนั้นยังอยู่ ดิวิชั่น 1 (ไทยลีก 2 ในปัจจุบัน) ก่อนจะเฉิดฉายกับการป้องกันประตูพร้อมท่วงท่าสง่างาม

   จากคนที่ถูกมองว่าอ่อนพรรษา กลายเป็นว่า กวินทร์ โชว์ฟอร์มเด่นจนยึดมือหนึ่ง เมืองทอง ได้สุดเซอร์ไพรส์ ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการพาทีมเลื่อนชั้นสู่ ไทยพรีเมียร์ลีก (ไทยลีก ในปัจจุบัน) ได้ในฤดูกาล 2009

   ผลงานของเขาโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสยามประเทศกับกิเลนผยอง 2 ซีซั่นติดต่อกัน (2009 และ 2010) จนถูกเรียกติดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ในรายการ คิงส์ คัพ 2010 โดยขณะนั้นกุนซือช้างศึกคือ วินฟรีด เชเฟอร์ 

   ฝันแรกของเขาเป็นจริงแล้ว

   มาตรฐานการเล่นของมือกาวดาวรุ่งสูงลิ่ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสั่งการกองหลัง, ความชัวร์ในการรับบอลหรือบุคลิกที่กร้าวแกร่ง แต่สิ่งที่เป็น 'ภาพจำ' ของแฟนๆ คือช็อตเซฟเหลือเชื่อจนเป็นที่มาของสมญา 'กวินทร์บินได้'

   เขาพา เมืองทอง คว้าแชมป์ลีกอีก 2 สมัย (2012 และ 2016) รวมทั้งยังครองมือหนึ่งทีมชาตินานหลายปี

   กระทั่งฤดูกาล 2017-18 อีกหนึ่งความฝันของ กวินทร์ ก็เกิดขึ้นกับการเซ็นสัญญาย้ายไป โอเอช ลูเวิน สโมสรในเบลเยียม 

   แม้ว่าช่วงเวลาที่ผจญภัยในยุโรป จะไม่โสภาดั่งใจปรารถนา แต่เจ้าตัวยืนยันว่ามันคือประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาที่ไหนไม่ได้มาก่อน

   การใช้ชีวิตคนเดียวในต่างแดนและพบเจอวัฒนธรรมใหม่ๆ ทำให้ กวินทร์ เติบโตขึ้น รวมทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเรื่องของจิตใจ

   ด้วยความผูกพันกับ เมืองทอง แบบลึกซึ้ง เขาย้ายกลับมาเฝ้าเสาในรั้ว ธันเดอร์โดม อีกครั้งในปี 2022 แต่ปัญหาบาดเจ็บที่รบกวน ทำให้ช่วงแรกเจ้าตัวยังไม่สามารถลงเล่นให้ทีมรักได้เลย

   สถานการณ์ของกิเลนผยองไม่สู้ดีนัก เพราะผ่านเลกแรกของฤดูกาล 2023-24 ยังอยู่ครึ่งล่างของตาราง แถมเปิดฉากเลกสองก็แพ้รวด อีกต่างหาก นั่นจึงเป็นเหตุให้ กวินทร์ คัมแบ็กสู่ฟลอร์หญ้าเพื่อกลับมากอบกู้สโมสร

   นับตั้งแต่มีเขาตระหง่านระหว่างเสา เมืองทอง ผลงานดีขึ้นทันตา เพราะตลอด 16 เกม ที่ลงสนาม พี่แกทำไป 6 คลีนชีต และยังพาทีมทะยานสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นหนแรกในรอบ 7 ปี

   อย่างไรก็ตาม เกมสุดท้ายในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ กวินทร์ อาจจะไม่สมหวังกับการพากิเลนผยองคว้าแชมป์ รีโว่ ลีก คัพ ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่เขาสร้างไว้นั้นมีมากมายมหาศาล 

   โดยเฉพาะความเป็นมืออาชีพ ทั้งในและนอกสนาม เพราะมีนักกีฬาไม่มากนักที่จะรักษาร่างกาย อีกทั้งยังไม่วอกแวกต่อสิ่งเร้ารอบกายได้เหมือนที่ผู้รักษาประตูวัย 34 ปี คนนี้ทำได้

   เท่านั้นไม่พอ เรื่องของความ 'กตัญญู' ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เด็กรุ่นใหม่ควรเอาเยี่ยงอย่างจากจอมหนึบผู้นี้มากๆ เพราะเขาอุทิศตนเองเพื่อดูแลครอบครัวแบบเต็มเหนี่ยว  

   ความน่ารักของ กวินทร์ ยังไม่มีเพียงเท่านี้ เพราะเขายังเป็นมิตรกับผู้คนรอบๆ ตัวอีกต่างหาก ไม่ว่าคุณจะมีฐานะด้อยหรือดีกว่าเขา เขาก็พร้อมที่จะประนมมือไหว้คุณ พร้อมรอยยิ้มที่ออกมาจากความจริงใจ 

   ขอบคุณที่สร้างความสุขให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทย ตลอด 17 ปี ที่ผ่านมา

   ขอบคุณที่เป็นแบบอย่างที่ดีงามต่อเยาวชนรุ่นต่อๆ ไป

   นี่คือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่ทีมชาติไทย เคยมีมา

   แด่ผู้ชายที่ชื่อ...กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์

ชิกกะด้าว