นับตั้งแต่ เมืองทอง ยูไนเต็ด แต่งตั้ง มิลอส ย็อคซิช เข้ามาช่วยงาน อุทัย บุญเหมาะ ในการคุมทีม ดูเหมือนว่าผลงานของกิเลนผยองค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
ตามไทม์ไลน์ พวกเขาเริ่มต้นด้วย มาริโอ ยูรอฟสกี้ 4 เกม (เสมอ 1 แพ้ 3) ก่อนจะให้กุนซือชาวไทย รับบทบาทรักษาการกุนซือ และก็ทำหน้าที่ได้ 8 นัด (รวมฟุตบอลถ้วย) กระทั่งมาเป็นโค้ชคู่ในแมตช์พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แน่นอนว่า ย็อคซิช เพิ่งเข้ามามีส่วนร่วมเต็มๆ เพียง 3 เกม ซึ่งคงจะชี้วัดอะไรได้ไม่มากนัก ทว่ารูปแบบการเล่นของ เมืองทอง ณ ปัจจุบันถือว่ามีทิศทางบวกขึ้นเรื่อยๆ
ไล่ตั้งแต่เสมอ บุรีรัมย์ ในรูปเกมที่ดีกว่า ตามด้วยบุกไปถล่ม ลำปาง เอฟซี 4-1 และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ก็เชือด สุโขทัย เอฟซี ได้ถึงถิ่น 2-1
มันคือผลงานที่น่าพอใจไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้ฟอร์มของอดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย ออกจะลุ่มๆ ดอนๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้
การเอา ย็อคซิช เข้ามาผนึกกำลังกับ อุทัย ถือเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ชาญฉลาดของบอร์ดบริหารสโมสร เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในแนวดิ่ง บวกกับงบประมาณของกิเลนผยองก็ไม่ได้มากมายเฉกเช่นเก่าก่อน ดังนั้นการประคองทีมให้อยู่หัวแถวของตารางจึงน่าจะเป็นเป้าหมายที่พวกเขาตั้งไว้
พื้นฐานการบิวต์-อัปตั้งแต่แดนหลังคือสิ่งที่ ยูรอฟสกี้ สร้างไว้ และการได้กุนซือที่เจนเวทีลีกไทย อย่าง ย็อคซิช เข้ามาเสริมในส่วนอื่นๆ ทำให้ เมืองทอง มีมิติหลายหลากมากกว่าเดิม
เกมรับก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ค่อยๆ ดีขึ้น แม้ว่า 3 เกมที่เทรนเนอร์ชาวเซอร์เบีย คุมทัพจะเสียประตูทุกนัด แต่สิ่งที่เห็นคือความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ลดลงอย่างชัดเจน
ยิ่งการได้ ฌอง-โคล้ด บีลลง กลับมาประจำการในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ตรงจุดนี้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับทีมมากแน่ๆ เพราะก่อนหน้านั้น กิเลนผยองต้องใช้คู่ปราการหลังชาวไทย มานับสิบนัด ซึ่งผลที่ออกมาก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
พอหลังบ้านมั่นใจ มันก็พลอยทำให้ส่วนอื่นๆ ดีขึ้นตามไปด้วย
เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง, วิลเลียน พ็อพพ์ ค่อยๆ ฟื้นฟอร์มเก่ง, ปรเมศย์ อาจวิไล เฉียบมากกว่าเก่า, กรกฏ พิพัฒน์นัดดา เรียนรู้วิชาจาก กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ จนเก่งขึ้นชัดเจน รวมไปถึง สเตฟาน เชโปวิช ที่เริ่มจะแสดงให้เห็นว่ามีประโยชน์มากเพียงใด
ส่วนพวกมาตรฐานสูงอย่าง พิชา อุทรา, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ ทริสต็อง โด ก็ไม่ต้องห่วง เพราะผลงานดีอยู่แล้ว
นี่ขนาดว่า เมืองทอง มีโควตาต่างชาติแค่ 3 คน เท่านั้น หากว่าในช่วงเลกที่สองพวกเขาเสริมทัพเข้ามา อะไรต่อมิอะไรน่าจะเป็นไปในทิศบวกแน่ๆ
เรื่องลุ้นแชมป์ ไทยลีก คงจะเป็นงานยากยิ่ง แต่ฟุตบอลถ้วย เชื่อมือ ย็อคซิช ได้เลย เพราะโค้ชร่างใหญ่ผู้นี้เป็นจอมแท็กติก หากนักเตะเล่นได้ตามแผนและไม่ก่อความผิดพลาด รับประกันเลยว่ากิเลนผยองลุ้นยาวๆ
หากฤดูกาล 2023-24 เมืองทอง มีถ้วยรางวัลติดมือ บางทีซีซั่นต่อๆ ไป พวกเขาอาจจะกลับมาผงาดได้อีกครั้ง เพราะในฐานะทีมใหญ่ ยังไงเสียก็มีฐานแฟนคลับสนับสนุน เหลือเพียงเรียกวันเวลาในวันวานกลับมาให้ได้เท่านั้น
แต่เหนืออื่นใด เมืองทอง ต้องรักษามาตรฐานการเล่นให้สม่ำเสมอที่สุด เพราะมันคือสิ่งสำคัญในฟุตบอลอาชีพ หากทำได้ พวกเขาก็พร้อมต่อกรได้กับทุกทีมในประเทศ
กิเลนกำลังดี
ชิกกะด้าว