รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ประเดิมการคุมทีม การท่าเรือ เอฟซี ด้วยการบุกไปควัก 1 คะแนน จาก เชียงราย ยูไนเต็ด ได้ถึงถิ่น
แม้จะไม่ได้รับชัยชนะกลับออกมาอย่างที่ตั้งเป้าไว้ แต่อย่างน้อย มันคือ "นับหนึ่ง" ที่เห็นและดูจะเป็นไปในทิศบวก เพราะผู้เล่นหลายๆ คนได้กลับไปประจำการในตำแหน่งที่ตนเองถนัดสักที แม้จะมีอยู่บางจุดที่ยังดูขัดๆ อยู่ก็ตาม
ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ซึ่งแจ้งเกิดมาจาก "มิดฟิลด์ตัวรับ" จนได้รับสมญา เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ของเมืองไทย แถมยังเคยได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกส่งออกสู่ต่างประเทศ
ทว่ากองกลางวัย 30 ปี มักจะถูกถอยให้ไปยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟบ่อยครั้ง และเมื่อบวกกับเรื่องสภาพร่างกาย มันจึงทำให้ฟอร์มของเขาไม่สม่ำเสมอเท่าที่ควรจะเป็น กระทั่งระยะหลังหลุดจากโผทีมชาติไปในที่สุด
แต่เกมกับ เชียงราย - ธนบูรณ์ กลับมาประจำการในตำแหน่งดั้งเดิมของตนเอง แม้จะยังไม่โดดเด่นเหมือนเมื่อ 4-5 ปี ที่แล้ว ทว่าการมาของ "โค้ชอ้น" น่าจะทำให้หมอนี่ได้เล่นในแบบที่ถนัดแน่ๆ
ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ อีกหนึ่งนักเตะที่ได้กลับไปประจำการในพื้นที่ที่สร้างชื่อจนก้าวไปติดทีมชาติไทย นั่นคือ "กองกลางตัวรุก" ซึ่งเขาเล่นตำแหน่งนี้มาตอนที่ถูก เชียงราย ยูไนเต็ด ปล่อยให้ โปลิศ เทโร เอฟซี ยืมตัว
หมอนี่เป็นผู้เล่นที่ยืนได้หมดในตำแหน่งแนวรุก แต่ก็ยังไม่มีผลงานที่เด่นชัดเท่าใดนัก กระทั่งถูก รังสรรค์ มอบบทบาทเพลย์เมเกอร์ให้นั่นแหละ เฉิดฉายทันที จนได้ย้ายไป บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และมาลงเอยกับ การท่าเรือ ในเวลาต่อมา
ในเกมกับ เชียงราย - ปฐพล ก็คอยทำเกมอยู่หลัง บดินทร์ ผาลา, แฮมิลตอน โซอาเรส และ บาร์รอส ทาร์เดลี่ นี่แหละ แต่ฟอร์มอาจจะยังไม่เจิดจรัส ทว่าก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้เห็นเขาเล่นตำแหน่งนี้อีกครั้ง เพราะระยะหลังมักจะถูกจับไปโลดแล่นทางด้านข้างมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดหนึ่งที่ดูจะขัดๆ หน่อยก็ตรงที่ ทาร์เดลี่ มายืนปีกขวานี่แหละ
อดีตดาวซัลโว ไทยลีก 2020-21 เป็นกองหน้าตัวเป้า แม้จะเขยิบออกมาด้านข้างได้ก็จริง แต่ประสิทธิภาพสูงสุดของเขาคือหัวหอกที่คอยยิงประตูเท่านั้น
เข้าใจว่าอาจจะเสียดาย เพราะดันมีทั้ง ทาร์เดลี่ กับ โซอาเรส ซึ่งขีดความสามารถในกรอบเขตโทษสูง มันจึงเลือกยากที่จะต้องตัดใครคนใดคนหนึ่งออกไป
ทว่าสิ่งที่สะท้อนออกมาในเกมกับ เชียงราย ก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่า "ไม่เวิร์ก"
"โค้ชอ้น" เลยแก้เกมด้วยการถอด ทาร์เดลี่ ออก แล้วส่ง ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ลงมาแทน กระทั่งมาได้ประตูตีเสมอนั่นแหละ
"กว่างโซ้งมหาภัย" คือสโมสรที่เล่นด้วยยากที่สุดในลีก พวกเขามักจะสร้างความอึดอัดให้ฝั่งตรงข้ามอยู่เสมอ ด้วยสไตล์การเล่นที่รัดกุม เหนียวแน่น มีวินัยในเกมรับสูงปรี๊ด และที่สำคัญคือขอโอกาสเพียงครั้งเดียว ก็แปรเปลี่ยนมันให้เป็นสกอร์ได้ทันที
การมี บิลล์ หัวหอกมหาประลัยในวัยใกล้ 40 แต่ความเจนจัดและพิษสงของพี่แกยังจัดจ้านและสามารถพลิกเกมได้ในชั่วพริบตา
ประตู 1-0 ที่บรรจงวางเท้ายิงจากครึ่งสนามคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข ขอเพียงใช้สมองในการเล่น และรักษาร่างกายตัวเองให้ดีๆ คุณก็สามารถเล่นฟุตบอลระดับสูงได้ยาวๆ
ดังนั้นการเจอกับกว่างโซ้งมหาภัยไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต่อให้เป็นทีมมาตรฐานสูงจากต่างประเทศ ก็ใช่ว่าจะฝ่าด่าน เชียงราย ไปได้ง่ายๆ ซึ่งตรงจุดนี้ รังสรรค์ ก็รู้ดีว่าเจ้าบ้านมาด้วยแท็กติกแนวไหน
จากรูปเกมที่ออกมา ต้องยอมรับว่า การท่าเรือ ดูมีมิติมากกว่าเดิมจริงๆ ซึ่งถ้ายังเล่นในลักษณะนี้อยู่ เชื่อได้เลยว่ากราฟของทีมจะค่อยๆ ไต่ขึ้นทีละนิด
ผู้รักษาประตูเชื่อใจได้ แม้จะเสียท่าถูก บิลล์ หลอกยิงครึ่งสนาม แต่ส่วนอื่นๆ ถือว่าน่าพอใจทีเดียว เกมรับดูแน่นขึ้น ฟูลแบ็กสองฝั่งไม่เติมขึ้นบนโดยไม่จำเป็น แดนกลางลงตัว ส่วนข้างหน้า เหลือแค่ตัดใจให้ ทาร์เดลี่ หรือ โซอาเรส คนใดคนหนึ่งนั่ง
1 คะแนนและนับหนึ่งของ "โค้ชอ้น" ถือว่าสอบผ่าน แต่ก็ต้องดูกันยาวๆ ว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป
ชิกกะด้าว