ไทยลีก 2023-24 กลับมาแข่งขันกันต่อ หลังเว้นวรรคให้สัปดาห์ทีมชาติ และด้วยผลงานที่ย่ำแย่จากเกมปะทะจอร์เจีย ทำให้โลกออนไลน์ รวมไปถึงผู้คนในวงการลูกหนังดินแดนขวานทอง ต่างออกมาวิพากษ์-วิจารณ์ในเชิงกันทั่วทั้งปฐพี
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในประเทศยังต้องดำเนินต่อ ซึ่งต่อจากนี้คงจะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเรื่องการจัดการทางด้านโปรแกรม เนื่องจากที่ผ่านๆ มาตารางไม่ค่อยจะสอดคล้องกับทีมชาติเท่าไหร่
เมืองทอง ยูไนเต็ด คือหนึ่งในสโมสรที่ได้รับคำชมเชยไปพอสมควร โทษฐานที่ปล่อยผู้เล่นร่วมทัพช้างศึกชุดตะลุยยุโรป แบบไม่มีกั๊กใครไว้สักราย คือเรียกใครติด พวกเขาก็ยินดีส่งนักเตะในสังกัดแบบไม่อิดออด ทั้งๆ ที่ยังมีศึกหนักในลีกอีกมากมาย
แรกเริ่มเดิมที กิเลผนผยองจะต้องเล่น 'เกมเยือน' 8 นัด ติดต่อกัน แต่ล่าสุดดันจับสลากไปเยือน พิษณุโลก เอฟซี ในถ้วย เอฟเอ คัพ รอบ 64 ทีม สุดท้าย
เท่ากับว่า เมืองทอง ต้องเล่นนอกบ้านรวดเดียว 9 แมตช์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สาหัสสากรรจ์เลยทีเดียว
ตอนนี้ผ่านมา 2 นัดแล้ว และก็ถือว่าพวกเขาทำได้ดีเอามากๆ เพราะฝ่าด่านหิน ทั้ง ประจวบ เอฟซี และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ได้สำเร็จ พร้อมกับ 6 คะแนน จนทะยานขึ้นสู่อันดับ 6 ของตารางการแข่งขัน
แต่ยังเหลืออีกตั้ง 7 เกม ที่อดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย ต้องเป็นอาคันตุกะ แถมยังต้องเดินทางไกลอีกต่างหาก จะมีก็แค่การเจอ โปลิศ เทโร เอฟซี ในวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม เท่านั้นที่ใกล้หน่อย จากนั้นก็ไปบุก อุทัยธานี เอฟซี ที่ก็ยังอยู่ในระยะพอเหมาะพอควร
ส่วนที่เหลือนี่คือทัวร์แทบทุกภาคในสยามประเทศ ไล่ตั้งแต่ พิษณุโลก (เหนือ), ตราด เอฟซี (ตะวันออก), ลำพูน วอร์ริเออร์ส (เหนือ), บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ตะวันออกเฉียงเหนือ) และปิดท้ายช่วงหฤโหดกับ สุโขทัย เอฟซี (เหนือ)
รวมๆ แล้ว เมืองทอง คงจะสะสมระยะทางเกินกว่า 1,000 กิโลตรเมตรเป็นอย่างต่ำ
อย่างไรก็ตาม ด้วยรูปแบบการเล่นที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากตอนที่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ คุมทีม หากแต่แตกต่างตรงรายละเอียดที่ไม่เคาะบอลไป-มา ทว่าใช้ประโยชน์จากจังหวะสุดท้ายให้เฉียบขาดที่สุด มันจึงนำมาซึ่งชัยชนะ 3 นัดรวด จนอันดับพุ่งมาอยู่ที่ 6 ของตาราง
อุทัย บุญเหมาะ ชื่อนี้อาจจะเป็นที่คุ้นกันดีสำหรับผู้คนในวงาการลูกหนังไทย แต่สำหรับแฟนๆ ยุคใหม่ อาจจะยังไม่ชินนัก ทว่าการทำหน้าที่ 'รักษาการ' เฮดโค้ช ผลงานออกมายอดเยี่ยมแบบนี้ บางทีเขาอาจจะได้ขยายเวลาในการโชว์กึ๋นไปเรื่อยๆ
ถามว่าโปรแกรมจากนี้อีก 5 นัด (เริ่มตั้งแต่ โปลิศ เทโร) นั้นหนักไหม?
แน่นอนว่าหนักหน่วงแน่ เพราะต้องเล่นเป็นทีมเยือนทั้งหมด แถมยังมีเรื่องของการเดินทางระยะไกลมาเกี่ยวข้อง ไหนจะเสียงเชียร์ที่เป็นรองเจ้าถิ่น ไม่นับรวมถึงปัจจัยภายนอกที่มักจะส่งผลร้ายต่อฟุตบอลไทย อยู่เนืองๆ อีกต่างหาก
มองมุมไหน เมืองทอง ก็ลำบากมากๆ ที่จะรักษามาตรฐานได้ต่อเนื่อง
แต่ด้วยความที่กุนซือของพวกเขาคือ อุทัย - เทรนเนอร์ที่อยู่กับสโมสรมายาวนาน เรื่องบารมีและการยอมรับจากนักเตะย่อมมีสูงอยู่แล้ว สังเกตุง่ายๆ จากแมตช์ที่พลิกกลับมาชนะ นครปฐม ยูไนเต็ด ในช่วงท้ายเกม
นัดนั้นนักเตะกิเลนผยองทุ่มเททุกสิ่งอย่าง ราวกับว่าเป็นนัดชิงชนะเลิศ
อุทัย สามารถ 'รวมใจ' นักเตะในทีมได้ ผู้เล่นซีเนียร์ให้การยอมรับ, แข้งต่างชาติปรับตัวเข้าหาคนไทย ส่วนก๊วนวัยรุ่นก็ไม่มีแตกแถว ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้แหละที่ทำให้ผลงานของโค้ชชาวสุรินทร์ เดินหน้าไปในทิศบวก
หากว่า 5 เกม ต่อจากนี้ กิเลนผยองสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ก็น่าจะทำให้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ก่อนเผชิญหน้าคู่ปรับตลอดกาลอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม ซึ่งตอนนั้นถ้า เมืองทอง เกาะกลุ่มหัวตาราง มันจะต้องเป็นอีก 'บิ๊กแมตช์' ประจำฤดูกาลแน่ๆ
แต่ตอนนี้พวกเขาคงต้องมองไปทีละนัด เพราะยังมีศึกหนักรออยู่ข้างหน้า
อุทัย บุญเหมาะ กับภารกิจกิเลนติดปีก ที่ต้องเดินทางแสนไกล
ชิกกะด้าว