ชัยชนะของ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่บุกไปถล่ม ประจวบ เอฟซี ได้ถึงถิ่น 3-1 สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขากำลังกลับสู่เส้นทางของตัวเองอีกครั้ง หลังจากออกสตาร์ตได้ย่ำแย่ในช่วง 4 นัดแรกของฤดูกาล 2023-24
จริงๆ แล้ว หากมองไปที่รายละเอียดเกม 1 คะแนน จาก 4 เกม ของกิเลนผยองไม่ได้ดูแย่กว่าคู่ต่อสู้สักเท่าไหร่ แถมยังดูดีกว่าฝั่งตรงข้ามเสียด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่ขาดหายไปก่อนหน้านี้คือ 'ความมั่นใจ' และ 'การจบสกอร์' ที่ไม่เฉียบขาดพอ
มันคือจังหวะของฟุตบอลที่เมื่อทำไม่ได้สักที แถมยังมีรอยโหว่ในเกมรับ ผลที่ออกมาจึงกลายเป็นว่า เมืองทอง โดนทีมตรงข้ามโจมตีจนเสียศูนย์
อย่าลืมว่าพวกเขามีการเปลี่ยนแปลงในแผงหลังแบบยกชุด จากซีซั่นก่อน ปฏิวัติ คำไหม ย้ายกลับ แบงค็อก ยูไนเต็ด, บุญทวี เทพวงศ์ ก็ไปบียูเช่นกัน, ลูคัส โฮช่า กับ เยสเปอร์ นีโฮล์ม หมดสัญญา และ สุพร ปีนะกาโพธิ์ ทีข้ามฟากสู่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แนวรับชุดหลักจากไปพร้อมๆ กัน 5 คน และมันส่งผลกระทบต่อฟุตบอลบิวต์-อัปแบบกิเลนผยองโดยตรง
โสภณวิชญ์ รักญาติ ผู้รักษาประตูที่เติบใหญ่มาจากระบบอะคาเดมี่ของสโมสรถูกดันขึ้นเป็นมือหนึ่ง, แบ็กขวาได้ ทริสต็อง โด กลับมาประจำการ, ฝั่งซ้ายต้องใช้ ธีรภัทร เลาหบุตร ซึ่งเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟอาชีพมายืนชั่วคราว ส่วนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟนั้นใช้ ฌอง-โคล้ด บีลลง แข้งใหม่ดีกรีทีมชาติแคเมอรูน จับคู่ ชาติชาย แสงดาว สลับกับ ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ เด็กปั้นจากระบบเยาวชน
เรียกได้ว่า 'ใหม่สด' ยกแผง
ความเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ย่อมต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าที่อะไรต่อมิอะไรจะลงตัว และที่สำคัญ ผู้ที่มาแทน ก็ต้องมีศักยภาพเพียงพอที่จะตอบสนองระบบการเล่นของทีม อีกทั้งยังรวมไปถึงความเข้าใจในระบบที่ต้องเรียนรู้ให้เร็วที่สุด
ทว่าผลที่ออกมาใน 4 เกมแรกของซีซั่นดันเจอะเจอกับโปรแกรมมหาโหด จนไม่อาจต้านทานความเจนจัดของคู่แข่งและได้มาเพียงแต้มเดียว
กระทั่งเกมพลิกกลับมาเอาชนะ นครปฐม ยูไนเต็ด 3-1 ในช่วงท้ายเกมนี่แหละที่เปรียบเสมือน 'จุดเปลี่ยน' ที่ทำให้ เมืองทอง มีกำลังใจมากขึ้น เพราะสไตล์ของพวกเขายังไม่เปลี่ยนแปลง แม้โค้ชจะเปลี่ยนไป จาก มาริโอ ยูรอฟสกี้ เป็น อุทัย บุญเหมาะ ที่รับหน้าที่กุนซือรักษาการ
กิเลนผยองยังคงเล่นแบบเดิม คือเซ็ตเกมจากแดนตัวเอง แล้วค่อยๆ ลำเลียงจากกลางไปสู่หน้า ทว่าสิ่งที่แตกต่างจากยุคเทรนเนอร์ชาวมาซิโดเนีย คือการที่พยายามพาบอลไปให้ถึงกรอบเขตโทษของคู่แข่งมากขึ้นกว่าเดิม
ในตอนที่ ยูรอฟสกี้ ยังนั่งตำแหน่งเฮดโค้ช - มิติเกมรุก เมืองทอง ไม่หลากหลายเท่าใดนัก แม้รูปแบบการเล่นจะได้รับคำสรรเสริญจากทั่วสารทิศ โทษฐานที่ทำทีมได้อย่างน่าดูชม ทว่าวันไหนที่โดนจับทางได้ วันนั้นกิเลนก็ไปไม่เป็นเช่นกัน
แต่พอมาเป็น อุทัย เทรนเนอร์ที่อยู่กับสโมสรมายาวนาน เขารู้จักทุกซอกทุกมุมของต้นสังกัดเป็นอย่างดี และด้วยความร่วมมือกับ เจษฎา จิตสวัสดิ์, ดานโญ่ เซียก้า และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่จัดอยู่ในระดับ 'ตำนาน' มันจึงเหมือนการสานงานต่อจาก ยูรอฟสกี้ ทว่าสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือความหลากหลายในการเข้าทำ
บอลของ เมืองทอง ทั้งเกมกับ นครปฐม และล่าสุดที่ชนะ ประจวบ นั้นน้อยจังหวะกว่าเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่สุดท้ายที่ไม่จำเป็นต้องเคาะไป-เคาะมาเพื่อเจาะหาช่องเข้าทำ และพอได้เรื่องของความมั่นใจเข้ามาเติมเต็ม มันจึงทำให้พวกเขาสามารถปิดสกอร์ได้เฉียบขาดขึ้นกว่า 4 เกมแรกของฤดูกาล
บีลลง เริ่มฉายแสงความเก่งกาจและการเป็นบัญชาการในเกมรับ
วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ยังคงเป็นนักเตะคลาสสูงที่สามารถพลิกเกมได้ในชั่วพริบตา
เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ เริ่มกลับมาอยู่ในฟอร์มเก่งอีกครั้ง
ปรเมศย์ อาจวิไล ซัดประตู 3 นัดติด
สเตฟาน เชโปวิช ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามีประโยชน์ต่อทีม
เหลือเพียง วิลเลียน พ็อพพ์ แนวรุกตัวทีเด็ดที่ยังรอเวลาคืนความร้อนแรง
ตอนนี้ เมืองทอง เก็บ 3 คะแนนแรกจากโปรแกรมเยือน 8 นัด ได้แล้ว ดังนั้นเหลืออีก 7 เกม ที่พวกเขาต้องพยายามรักษามาตรฐานให้ได้
หากว่ายังเล่นได้แบบเกมบุกถล่ม ประจวบ 3-1 เชื่อได้เลยว่าพวกเขาจะยิงแบบยาวๆ
ณ วินาทีนี้ บอกได้คำเดียวเลยว่า...กิเลนคัมแบ็กแล้ว!!
ชิกกะด้าว