ซูเปอร์ บิ๊กแมตช์ ประจำ ไทยลีก 2023-24 แมตช์เดย์ที่ 5 ระหว่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จบลงด้วยชัยชนะของเจ้าถิ่นที่เปิด ทรู สเตเดี้ยม เอาชนะผู้มาเยือนไปด้วยสกอร์ 2-0
3 คะแนน ในนัดนี้ ส่งผลให้ แบงค็อก แซง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลับไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงด้วยผลประตูที่ดีกว่า โดยการมี 13 แต้มเท่ากัน
นี่คือชัยชนะอันล้ำค่าที่ส่งผลทั้งไปและกลับ เพราะการยัดเยียดความปราชัยให้ทีมกระต่ายแก้ว นอกจากจะตัดคะแนนคู่แข่งลุ้นแชมป์โดยตรง มันยังมีเรื่องของสภาพจิตใจเข้ามาเกี่ยวด้วย
เชื่อได้เลยว่า แบงค็อก จะคึกคักไปยาวๆ
ส่วนฝั่ง บีจี ปทุม แน่นอนว่าพวกเขาคงจะห่อเหี่ยวไม่น้อย เนื่องจากก่อนหน้านั้นเพิ่งจะบุกไปพ่าย อุลซาน ฮุนได ในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มาหมาดๆ เท่ากับว่าแพ้รวด 2 เกมติดต่อกัน
แต่มันคงไม่ถึงขั้นกับเสียหายเลย เพราะนี่เพิ่งต้นฤดูกาล แต้มก็ตามหลังบียูเพียง 5 คะแนน ยังเหลือเกมให้ชิงชัยอีกมากมาย ทว่าสิ่งสำคัญคือพวกเขาต้องพยายามลืมความผิดหวัง แล้วกลับมาให้ได้ไวที่สุด เพราะถ้ายังช็อตแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
วกกลับมาที่ฝั่ง แบงค็อก กับชัยชนะเหนือคู่แข่งอย่าง บีจี ปทุม นั้นช่วยเพิ่มความฮึกเหิมได้มากมายก่อนการรับมือ บุรีรัมย์ ในวันศุกร์ที่ 29 กันยายน
เท่ากับว่าเปิดซีซั่น ทีมแข้งเทพเล่นไป 7 นัด (รวม ไทยแลนด์ แชมเปี้ยน คัพ) ชนะไปถึง 6 และเสมอแค่เกมเดียวเท่านั้น และที่สำคัญคือเสียไปแค่ 2 ประตู
มันคือสถิติที่ยอดเยี่ยมมากๆ ซึ่งคงจะไม่เร็วเกินไปหากจะบอกว่าพวกเขาคือ 'ผู้ท้าชิงอันดับ 1' ที่จะมาเขย่าบัลลังก์ของ บุรีรัมย์ ในฤดูกาล 2023-24
ด้วยฟอร์มปัจจุบัน บวกกับขุมกำลังที่มี รวมไปถึง 'กึ๋น' ของ ธชตวัน ศรีปาน หนึ่งในเฮดโค้ชชาวไทย ที่เก่งกาจที่สุดของประเทศ มันน่าจะเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับการคว้าแชมป์ลีกที่รอคอยมาแสนนาน
ทว่ามีอยู่ 2 สิ่งที่ แบงค็อก ต้องระวังให้ดี เพราะมันคือปัจจัยที่มักจะทำให้พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝัน และมันก็มักจะเกิดขึ้นกับบียูบ่อยครั้งเสียด้วย
สิ่งแรกคือเรื่องของการรักษามาตรฐานไปให้ได้จนจบฤดูกาล
แบงค็อก คือทีมที่ออกสตาร์ตซีซั่นด้วยฟอร์มเลิศหรูอยู่เสมอ ยกตัวอย่างง่ายๆ ในฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาเริ่มต้นด้วยฟอร์มอลังการ ชนะ 4 เสมอ 1 นำเป็นจ่าฝูงอยู่ราวๆ 3 สัปดาห์ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็ค่อยๆ สะดุด กระทั่งจบด้วยรองแชมป์นั่นเอง
ย้อนกลับไปอีกนิด กับฤดูกาล 2021-22 ที่ครองฝูงอยู่ราวๆ 4 อาทิตย์ แต่ก็ฟอร์มหลุดดื้อๆ แพ้ 3 จาก 4 เกม ในช่วงที่ บุรีรัมย์ กำลังพีก จนท้ายที่สุด ประคองตัวด้วยการจบอันดับ 3
คือช่วงผลงานดีก็เก่งไปเลย แต่พอสะดุด พวกเขาก็มักจะหลุดฟอร์มไปโดยไร้สาเหตุ จนสุดท้ายไปไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้
แต่ด้วยการที่มี ธชตวัน เฮดโค้ชที่มีประสบการณ์พา เมืองทอง ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกมาแล้วเมื่อปี 2016 น่าจะช่วยให้แฟนๆ ขออุ่นใจได้บ้าง เพราะกุนซือชาวสระบุรี เป็นคนที่มีความยืดหยุ่นสูง แถมยังมีปรับแท็กติกตามแต่คู่ต่อสู้ที่เผชิญหน้า
ประมาณว่าเรื่องผลการแข่งขัน เชื่อมือตำนานมิดฟิลด์ทีมชาติไทย คนนี้ได้เลย
ทว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ แบงค็อก ต้องระวังคือเรื่องของการหมุนเวียนผู้เล่น เนื่องจากยังมีถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มาปันสมาธิและต้องใช้ร่างกายมากกว่าเดิม
แม้ว่าโอกาสที่จะไปหยิบแชมป์แทบเป็นศูนย์ แต่การทำผลงานให้ดีที่สุดในเวทีเอเชีย มันก็เป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนาเช่นกัน เพราะการได้ลับแข้งกับสโมสรใหญ่ก็เปรียบเสมือนการเรียนรู้ ได้รู้ว่ามาตรฐานของตนเองอยู่ตรงไหน มีสิ่งใดที่ต้องปรับใช้บ้าง
ดังนั้น เชื่อว่าทุกๆ เกมในรอบแบ่งกลุ่ม แบงค็อก คงจะจัดทีมที่ดีที่สุดลงสนามแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าช่วงเกมท้ายๆ ที่อาจจะมีการสลับหมุนเวียน เพื่อรักษาสภาพร่างกายเท่านั้น
บียูเจอโปรแกรมสุดโหด เพราะว่าอีก 9 นัดต่อจากนี้คือหนักหน่วงล้วนๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ พวกขาคงต้องโรเตชั่นกันจ้าละหวั่นทีเดียว
หากฝืนใช้ทีใช้ชุดเดิมหรือฝืนให้ตัวหลักลงติดๆ กันไปตลอด มันไม่เป็นผลดีในระยะยาวแน่ เพราะอย่าลืมว่ายังมีถ้วย เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ รออยู่อีกต่างหาก
ทว่าถ้า แบงค็อก สามารถจัดการกับ 2 สิ่งนี้ได้สำเร็จ และยังเล่นกันได้ในมาตรฐานเช่นเกมชนะ บีจี ปทุม ต่อไปเรื่อยๆ รับประกันเลยว่าแชมป์ ไทยลีก จะอยู่ไม่ห่างจาก ทรู สเตเดี้ยม แน่นอน
แต่ถ้าไม่สามารถจัดการกับ 2 สิ่งนี้ได้ สิ่งที่พวกเขารอคอย ก็คงต้องยืดระยะเวลาออกไปอีกนั่นแหละ
บียูแจ๋ว แต่ต้องดูระยะยาว
ชิกกะด้าว