เมืองทอง ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในห้วงเวลาระส่ำอีกครั้ง หลังผลงานใน ไทยลีก 2022-23 อยู่ในเกณฑ์ 'ย่ำแย่' มากๆ
7 นัด 6 คะแนน เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์สโมสร แถมสองนัดหลังสุดยังแพ้เละเทะ ด้วยการเสียไปถึง 8 ประตู
ภาพจำของฟุตบอลสวยงาม ต่อบอลเท้าสู่เท้าแม่นยำ เน้นการเข้าทำด้วยจินตนาการ เพื่อให้แฟนๆ ได้มีความสุขและสนุกไปกับการแข่งขัน
สิ่งเหล่านี้หายไปนับตั้งแต่สิ้นสุดฤดูกาล 2021-22 ที่พวกเขามาไกลถึงอันดับ 4 ทั้งๆ ที่ในทีมอุดมไปด้วยนักเตะจากอะคาเดมี่และก็ไม่ได้มีงบประมาณเหมือนเก่าก่อน
'มาริโอเวย์' คือสโลแกนที่ เมืองทอง ชูขึ้นมานับตั้งแต่แต่งตั้ง มาริโอ ยูรอฟสกี้ เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ในเดือนตุลาคม 2020
นับถึงวันนี้ก็ 2 ปี พอดีที่กุนซือหนุ่มชาวมาซิโดเนีย เป็นผู้กำกับกิเลนผยอง
ในโลกของฟุตบอล การที่เป็นสโมสรใหญ่ ผลงานในซีซั่นปัจจุบันที่ดิ่งเหวเช่นนี้ ทำให้เก้าอี้ของ ยูรอฟสกี้ กำลังสั่นคลอนพอสมควร โทษฐานที่ชนะแค่ 1 เกม จาก 7 นัดที่ลงสนาม
เมืองทอง ในแบบฉบับ 'มาริโอเวย์' คือทีมที่เล่นสนุกและบุกใส่คู่แข่งทุกทีม ต่อให้เป็นรองเรื่องตัวผู้เล่น แต่แท็กติกที่เทรนเนอร์วัย 36 ปี ใช้ก็ยังคงเป็นสไตล์เดินหน้าเช่นเคย
แน่นอนว่าฟุตบอลลักษณะนี้ หากกดฝั่งตรงข้ามได้ ก็มีโอกาสชนะ แต่อีกแง่มุมหนึ่ง มันก็เผยให้เห็น 'ช่องโหว่' ในเกมรับที่มีจุดให้อีกทีมได้เจาะเข้าทำ
ฤดูกาล 2021-22 เมืองทอง ไม่เคยเป็นรองคู่แข่งเลยสักนัด เว้นเสียแต่ว่าวันนั้นพวกเขามีตัวผู้เล่นเหลือน้อยกว่า
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หรือ แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งล้วนแล้วแต่อันดับเหนือกว่ากิเลนผยอง ทว่าทั้งหมดถูก เมืองทอง บุกกดดันตลอดทั้ง 90 นาที ส่วนจะชนะหรือแพ้ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง
คือสไตล์ 'มาริโอเวย์' จะเน้นความตื่นเต้นเร้าใจเป็นหลักนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม มาถึงปัจจุบัน หลายๆ ทีมเริ่มเห็นวิธีแก้แท็กติกของ ยูรอฟสกี้ กันแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็อย่างที่เห็นว่า เมืองทอง ชนะได้เพียง สุโขทัย เอฟซี แค่สโมสรเดียว
เขายังยึดมั่นสไตล์การทำทีมเช่นเดิม แต่ความอ่อนประสบการณ์ หรือง่ายๆ คือยังใหม่มากสำหรับศาสตร์การเป็นโค้ช มันจึงทำให้ผลงานของกิเลนผยองในตอนนี้ค่อนข้างย่ำแย่
นั่นจึงเป็นที่มาว่าเหตุไฉน มิโลวาน ราเยวัช จึงถูกดึงเข้ามานั่งในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค
ชื่อนี้อาจจะ 'ยี้' ในมุมมองของแฟนฟุตบอลชาวไทย หลายๆ ท่าน แต่อดีตกุนซือช้างศึกจัดว่าเป็นโค้ชจอมแท็กติกที่มีจุดเด่นในเรื่องของ 'เกมรับ' ที่มีผลงานอันเอกอุกับการนำกานา ผ่านถึงรอบ 8 ทีม สุดท้าย เวิร์ล คัพ 2010 ได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศเลยทีเดียว
แม้ว่าหลังจากสร้างชื่อกับทัพดาวดำอย่างยิ่งใหญ่ - ราเยวัช จะไม่มีถ้วยรางวัลมาการันตีฝีมือ แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยโปรไฟล์งานที่ผ่านมา มันจึงทำให้เขาได้ไปเป็นเทรนเนอร์ของทีมชาติกาตาร์ และแอลจีเรีย กระทั่งมาลงเอยที่ไทย ในช่วงต้นปี 2017 นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ช่วงที่คุมทัพช้างศึก ระหว่างปี 2017-19 นั้นค่อนข้างจะไม่โสภานัก เพราะการตกรอบรองชนะเลิศ อาเซียน คัพ 2018 ตามด้วยการประเดิมแพ้อินเดีย ใน เอเชียน คัพ 2019 1-4 ก่อนที่จะถูกปลดฟ้าผ่าในทันที
หลังจากนั้น ราเยวัช ก็หยุดรับงานโค้ชไปช่วงหนึ่ง กระทั่งกลับไปคุมกานา อีกหนในปี 2021-22
บนวัย 68 ปี ที่หลายๆ คนอาจจะมองว่า 'แก่เกินไป' หรือเปล่า แถมฟุตบอลในแบบฉบับของเขาก็ตรงกันข้ามกับ 'มาริโอเวย์' โดยสิ้นเชิง
ทว่าการมาผนึกกำลังกับ ยูรอฟสกี้ ที่ เมืองทอง อาจจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นกับกิเลนผยองในอนาคตก็เป็นได้ เพราะอย่าลืมว่าคนที่ขอให้ ราเยวัช มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ก็คือตัวกุนซือคนปัจจุบันนั่นแหละที่ต้องการ
ภาษาเดียวกัน, เคยเล่นสโมสรเดียวกัน แต่ต่างคนละยุค (เร้ด สตาร์ เบลเกรด และ โวย์โวดิน่า) และมีความนับถือกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
ฟุตบอลบุกคือ 'มาริโอเวย์' ส่วนเกมรับให้เป็นหน้าที่ของ ราเยวัช ที่จะมาขันน็อตที่หลวมอยู่ให้แข็งแรง
เหมือน 'หยิน' และ 'หยาง' ที่ต่างกันสุดขั้ว แต่พอมารวมกันแล้วเกิดความสมดุลเป็นที่สุด
บางที ราเยวัช อาจจะมาเป็นผู้กอบกู้และนำ เมืองทอง กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ในอนาคตข้างหน้า ก็เป็นได้...