หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการหยุดไว้ที่ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย นับจากนี้พลพรรค "เดอะแรบบิท" บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ถึงคราวที่จะต้องกลับมาลุยในศึกไทยลีก ฤดูกาล 2022/23 อย่างเต็มตัวอีกครั้ง
สถานการณ์ในตารางคะแนนตอนนี้ บรรดาบิ๊กทีมกลุ่มเต็งแชมป์พากันเก็บ 3 แต้มเกาะหัวตารางไว้อย่างเหนียวแน่น ถึงเวลาที่บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะต้องรับบทให้การเป็นผู้ตามเพื่อกลับไปเกาะกลุ่มหัวตารางในการลุ้นแชมป์ไทยลีกปีนี้ให้ได้โดยในอีก 1 เดือนนับจากนี้ ภารกิจอันหนักหน่วงของทัพเดอะแรบบิท กับโปรแกรมสุดแสนจะดุเดือดกำลังรอพวกเขาอยู่
ประเดิมเริ่มตั้งแต่ในวันนี้ (31 ส.ค.) มีคิวที่จะต้องบุกไปเยือน "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ถือเป็นเกมเปิดศักราชไทยลีกปีนี้ของพวกเขา และต่อด้วยเกมบิ๊กแมตช์สุดสัปดาห์ ที่จะต้องบุกถิ่นช้าง อารีน่า รังเหย้าของทัพ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในวันที่ 4 ก.ย. 2565
หลังนั้นจะได้พักอีกราวๆหนึ่งสัปดาห์ 9 ก.ย. 2565 จะต้องกลับมาเล่นในบ้าน ซึ่งเป็นเกมแรกของฤดูกาลนี้รอต้อนรับการมาเยือนของ ลำพูน วอริเออร์ น้องใหม่ไทยลีกที่มีกุนซือหน้าเก่าอย่าง "โค้ชโอ่ง" ดุสิต เฉลิมแสน และ 14 ก.ย. 2565 กับการเล่นเกมตกค้างที่ถูกเลื่อนมา ด้วยการเล่นในบ้านอีกเกมรอดวลกับ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี
มาถึงเกมปิดท้ายช่วง 1 เดือนหฤโหดก่อนจะพักเบรกให้ทีมชาติไทยในโปรแกรมฟีฟ่าเดย์ วันที่ 18 ก.ย. 2565 ต้องยกพลบุกไปเยือน พีที ประจวบ เอฟซี ถ้าในโปรแกรมแสนยากเย็นตลอดเดือนนับจากนี้ ทัพ "เดอะแรบบิท" สามารถเก็บชัยได้ทั้ง 5 เกมที่ลงสนาม ภารกิจกลับมาทวงแชมป์ไทยลีกกลับคืนมาคงจะเป็นอะไรที่ไม่ยากเย็นเกินไปแล้ว
- RK14 -
ที่มาของภาพ : เพจ BG Pathum United
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport