"เจ-ชนาธิป" กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เปิดใจหมดเปลือก ยอมรับล้มเหลวกับฟรอนตาเล่ ผิดหวังตัวเองที่ทำดีกว่านี้ไม่ได้ ยันไม่เสียใจเลือกเล่นให้ฟรอนตาเล่ รู้รสชาติฟุตบอลที่ไม่เคยเจอ เผยทุกคนมองภาพภายนอกคิดว่าอยู่ญี่ปุ่นสบาย รับเงินเดือน ซ้อมแล้วจบ แต่ภายในคนเป็นนักบอลต้องการลงสนาม เป็นเหตุเลือกกลับไทยเพราะไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้ ชี้ตลอด 7 ปีที่ญี่ปุ่นไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว
หลังจากที่ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เปิดตัวเป็นนักเตะคนใหม่ของบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ไทยลีก 1 สมัยอย่างเป็นทางการเพื่อล่าความสำเร็จในฤดูกาลใหม่ 2023/24 ออกมาให้สัมภาษณ์กับช่วงเวลาที่ยากลำบาก รวมถึงสถานการณ์ในช่วงโค้งสุดท้ายที่ค้าแข้งอยู่ในศึกเจลีก ประเทศญี่ปุ่น ลีกลูกหนังอันดับหนึ่งของทวีปเอเชีย
เพลย์เมกเกอร์คนใหม่ทัพ “เดอะ แรบบิท” เปิดใจว่า "7 ปีในการเล่นเจลีก ผมรู้สึกขอบคุณโอกาสที่ผมได้ไปเล่นอยู่ที่นั่น ผมว่าการไปเล่นที่ญี่ปุ่นครั้งแรก เป็นอะไรที่น่าจะเป็นความกดดันที่สุดแล้ว เพราะว่าก่อนไปก็รู้สึกว่ามีทั้งคนประหม่าในตัวเรา หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีม รวมทั้งคนดูในเจลีก และคนไทยก็ตาม ทุกคนก็ไม่เชื่อว่าผมจะเล่นได้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็สามารถพิสูจน์ตัวเอง และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ผมสามารถเล่นฟุตบอลเจลีกได้"
ดาวเตะวัย 29 ปี กล่าวถึงช่วงเวลาย้ายทีมจากคอนซาโดเล่ ซัปโปโร สู่คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ว่า "ฟรอนตาเล่ยื่นข้อเสนอมาสนใจไปไหม ผมตอบแบบไม่ลังเลอะไร แน่นอนว่าอยากไป จริง ๆ ผมรู้สึกกดดันมาก กดดันมากจริง ๆ ผมคิดว่าคนญี่ปุ่น และเป็นทีมใหญ่จะเอาเงินมาซื้อผม กับแค่นักฟุตบอลไทยคนนึง มูลค่าที่สูงที่สุดในเจลีก"
"ผมไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ผมเลือก ถ้าวันนั้นไม่ก้าวที่จะออกมา เชื่อป่ะ ผมก็จะไม่เคยรู้ว่าฟุตบอลอีกแบบนึงเป็นยังไง เอิ่ม … (น้ำตาไหล) ผมก็จะไม่เคยรู้ว่าสถานการณ์ที่ผมเจอเป็นยังไง มันยากตรงที่ว่าผมมาอยู่กับทีมที่เป็นแชมป์มากกว่า แต่ถามว่าผิดหวังในตัวเองไหม ผมผิดหวังที่ผมไม่สามารถทำสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีว่านี้ได้"
"แน่นอนถามว่าล้มเหลวไหม มันก็คงล้มเหลวแหละกับคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ แต่ถามว่า 7 ปีที่อยู่มากับการได้เล่นเจลีก ผมว่าก็คงไม่มีอะไรที่จะต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้ว ผมเป็นนักฟุตบอล ทุกคนคงคิดว่าอยู่ญี่ปุ่นอ่ะสบาย รับเงินเดือน ซ้อมสบาย คนเหล่านั้นเขามองภาพภายนอก แต่ภายในผมเป็นนักฟุตบอล ผมอยากเล่น ผมอยากเล่นให้ทุกคนได้ดู แต่ผมไม่ได้เล่น ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากเสียเวลาอยู่ตรงนี้แล้ว ผมอยากเล่นฟุตบอลมากกว่า" กัปตันทีมชาติไทย กล่าวปิดท้าย