เหลืออีก 2 ตำแหน่ง รับประกันเสือป่าราชาติดปีกแน่

   มันคือการหวนคืนเวทีสูงสุดของประเทศในรอบกว่า 14 ปี ดังนั้นเสือป่าราชาจึงหวังอย่างยิ่งที่จะอยู่รอดปลอดภัยเป็นลำดับแรก

   ว่าแล้วพวกเขาจึงเดิมหมากเร็ว เริ่มจากการแต่งตั้ง อั๊คบาร์ นาวาส เฮดโค้ชชาวสิงคโปร์ ขึ้นเป็นกุนซือคนใหม่ ตามด้วยไล่สอยผู้เล่นหลายราย ไล่ตั้งแต่ ทาคุ อิโตะ, เจนณรงค์ ภูผา, กนกพล ปุษปาคม, จิตปัญญา ทิสุด, วัชระ บัวทอง, ศาสนพงษ์ วัฒยุชูติกูล และรวมไปถึงการดึง เลสลี่ย์ อะโบร์ห กลับมาค้าแข้งยังถิ่นเดิมอีกครั้ง

   ในบรรดานักเตะใหม่ ถือว่า นครปฐม เสริมได้ถูกจุดทีเดียว เพราะพวกเขาได้ วัชระ มือกาวที่ผ่านเกม ไทยลีก มาแล้วพอสมควร อีกทั้งยังมีดีกรีทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ติดตัวมาด้วย

   ตำแหน่งผู้รักษาประตูเป็นจุดที่เปราะบางมากๆ ในลีกสูงสุด ซึ่งตรงนี้ควรจะใช้นายทวารที่มีประสบการณ์ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้แผงหลัง แต่ไม่ใช่ว่า วัฒนชัย สระทองจันทร์ จอมหนึบมือหนึ่งของทีมใน ไทยลีก 2 ที่เสียไปเพียง 20 ประตู (น้อยที่สุดในฤดูกาล 2022-23) และทำได้ถึง 16 คลีนชีต จะไม่ดี 

   ทว่าเริ่มต้นควรจะมองหาคนที่ผ่านเกม ไทยลีก มาบ้างแล้วลงเฝ้าเสาก่อน คือเน้นความแน่นอนเป็นลำดับแรก แล้วที่เหลือจะตามมาเอง

   ขณะเดียวกัน แดนกลางหน้าใหม่ถือว่าน่าสนใจมากๆ เพราะมีทั้ง อะโบร์ห มิดฟิลด์ตัวรับที่ปล่อยให้ โปลิศ เทโร เอฟซี ใช้งานจนมีส่วนสำคัญกับการจบอันดับ 7 ทั้งๆ ที่มีงบประมาณน้อยกว่าสโมสรอื่นๆ 

   การได้กองกลางชาวกานา กลับมาจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ นครปฐม มีโอกาสอยู่รอดปลอดภัย เพราะนักเตะวัย 35 ปี มีความเจนจัดใน ไทยลีก อีกทั้งยังรู้วิธีการรับมือผู้เล่นบิ๊กเนมเป็นอย่างดี ขอเพียงได้คู่ขาที่มองตาก็รู้ใจได้ไวเท่าไหร่ เสือป่าราชาจะมีผลงานที่ดีตามมาแน่

   นอกจากนี้ กนกพล ที่ยืมตัวมาจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ก็น่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งในกับแผงมิดฟิลด์ได้ไม่ยาก เพราะหมอนี่เป็นคนเชื่อเกมชั้นยอด อาจจะดูไม่โดดเด่น แต่ประสิทธิภาพและประโยชน์ต่อทีมนั้นมหาศาล

   และทีเด็ดอีกจุดในการเสริมทัพของ นครปฐม ก็คือ จิตปัญญา เพลย์เมเกอร์วัย 32 ปี ที่อาจจะหายหน้าจาก ไทยลีก ไปตั้งแต่ปี 2021 แต่ไม่ได้หมายความว่าฝีเท้าจะถดถอยลง เพราะกองกลางตัวรุกคนนี้ยังมีพิษสงรอบกาย ซึ่งน่าจะสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้พอสมควร

   ขณะที่แบ็กซ้ายก็ได้ ศาสนพงษ์ กองหลังที่ผ่าน ไทยลีก มาโชกโชน ซึ่งก็คงจะเข้ามาเพิ่มมั่นใจและปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆ ได้ไม่ยาก 

   อย่างไรก็ตาม แม้โดยรวมจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ได้นักเตะที่มีประสบการณ์และมีโค้ชจอมแท็กติก ทว่ายังมีอีก 2 จุดยุทธศาสตร์ที่ นครปฐม จำเป็นจะต้องมีผู้เล่นที่ฝากความหวังไว้ได้เข้ามาเพิ่ม

   ตำแหน่งแรกคือเซนเตอร์ฮาล์ฟ แม้ว่าผลงานของ อามีราลี่ เชกีนี่ ปราการหลังชาวอิหร่าน จะยอดเยี่ยมมากๆ ก็ตาม แต่อย่างลืมว่า ไทยลีก กับ ไทยลีก 2 นั้นมาตรฐานห่างกันมาก

   คุณจะต้องเจอ ธีรศิลป์ แดงดา, ศุภชัย ใจเด็ด, ซามูเอล โรซา, แฮมิลตอน โซอาเรส, วิลเลียน พ็อพพ์, วิลเลน โมต้า, ลอนซาน่า ดูมบูญ่า และคนอื่นๆ ที่พร้อมจะสลับหน้ากันมายิง ดังนั้นนี่เป็นอีกหนึ่งจุดที่เสือป่าราชาจำต้องเฟ้นหากองหลังที่สามารถหยุดการโจมตีอย่างหนักหน่วงจากคู่ต่อสู้ให้ได้ ซึ่งก็น่าจะไปลงเอยกับโควตาต่างชาติ เหมือนดังที่หลายๆ สโมสรใช้กัน

   ไม่นับรวมบรรดาตัวจี๊ดทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น บดินทร์ ผาลา, วานแดร์ ลุยซ์, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ แล้วไหนยังจะมี ชนาธิป สรงกระสินธ์ มาอีก แค่นึกก็ปวดขมับแล้ว

   แน่นอนว่าปราการหลังตัวกลางก็ต้องนำเข้ามาเพิ่ม - ศูนย์หน้าตัวเป้า ประเภทโป้งปิดบัญชี ก็เป็นอีกตำแหน่งหนึ่งที่พวกเขาควรจะหามาเช่นกัน

   ยิ่งกับการที่ผลงานการทำสกอร์ใน ไทยลีก 2 ซีซั่น 2022-23 ของ นครปฐม ที่ยิงได้เพียง 32 ประตู ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น้อยมากๆ สำหรับทีมแชมป์ (ยิงได้น้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 14 จาก 18 ทีม) ก็น่าหวั่นใจไม่น้อย หากต้องการจะอยู่รอดในลีกสูงสุด

   ดังนั้นเสือป่าราชาจึงต้องมีหัวหอกที่ฝากความหวังเอาไว้ได้ อย่างน้อยๆ ต้องการันตีสัก 10 ลูกขึ้นไป พวกเขาจึงจะมีโอกาสได้เฉิดฉายใน ไทยลีก ระยะยาว

   ตอนนี้เหลืออีกประมาณเดือนกว่าๆ ฤดูกาล 2023-24 ก็จะเปิดฉาก การแต่งเติมเสริมทัพของ นครปฐม มาได้ถูกทางแล้ว เหลือเพียงหาแข้งที่สามารถทดแทนกันได้มาอีกนิด แต่ที่สำคัญคือต้องพยายามเฟ้นหาเซนเตอร์ฮาล์ฟและศูนย์หน้าตัวเป้ามาให้ได้

   ตำแหน่งอื่นๆ ถือว่าลงตัว น่าดู น่าชม แต่ถ้าได้อีก 2 ตำแหน่งสำคัญ รับประกันเลยว่าพวกเขาจะยืนระยะใน ไทยลีก ได้ยาวๆ

ชิกกะด้าว