ควันหลังจากงานแถลงข่าวการจับมือเป็นพันธมิตรระหว่างสโมสร การท่าเรือ เอฟซี กับ อาวิสป้า ฟูกูโอกะ ทีมใน เจลีก 2 ของญี่ปุ่น คือเรื่องการเสริมทัพของสิงห์เจ้าท่าที่อยู่ในความสนใจของสื่อทุกสำนัก
ไม่ว่าจะขยับตัวเช่นใด ยอดทีมแห่งย่านคลองเตยยังคงอยู่ในกระแสอยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นสโมสรเก่าแก่, มีแฟนฟุตบอลหลากช่วงอายุ และที่สำคัญคือเรื่องของ 'เสน่ห์' ของ การท่าเรือ นั้นมีมนต์ขลังให้ต้องหลงใหล
จากการเปิดเผยของ 'มาดามแป้ง' นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสาวผู้เลอโฉม บอกว่าตอนนี้ได้โควตาต่างชาติ 5 คนแล้ว ได้แก่ แฮมิลตอน โซอาเรส, เนเกบา และ ฟรนาส์ ปูโตรส ที่ยังอยู่ บวกกับผู้มาใหม่อย่าง บาร์รอส ทาร์เดลี่ กับ ชาร์ลี คลัฟ
บวกกับ เฉลิมศักดิ์ อักขี และ ชานุกูล ก๋ารินทร์ ที่ได้มาจาก โปลิศ เทโร เอฟซี นั่นทำให้พวกเขามีนักเตะหน้าใหม่แล้วแน่ๆ 4 คน พร้อมกันนั้นก็แว่วๆ มาว่ากำลังจะคว้า นาคิน วิเศษชาติ กับ กรวิชญ์ ทะสา จาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เช่นกัน
ถือเป็นการกระโจนเข้าสู่ตลาดซื้อ-ขายผู้เล่นแบบไวว่องของ การท่าเรือ แต่ที่พวกเขาต้องรีบต่อเติม มันก็มาจากการที่หลายๆ คนย้ายออกไปเช่นกัน
ดาบิด โรเชล่า, แอร์ตอน และ เซร์คิโอ ซัวเรซ คือแข้งต่างชาติที่เดินออกจาก แพท สเตเดี้ยม เช่นเดียวกับ เอเลียส ดอเลาะ, อดิศร พรหมรักษ์, ศิวกร จักขุประสาท, ฟิลิป โรลเลอร์ รวมไปถึง เบนจามิน เดวิส
อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักเตะที่เข้ามานั้นมีเพียงแดนหลังที่ดูจะเข้าท่ากว่าตำแหน่งอื่นๆ เพราะการได้ทั้ง เฉลิมศักดิ์ และ คลัฟ สองเซนเตอร์ฮาล์ฟที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของ ไทยลีก นั้นน่าจะตอบโจทย์สิงห์เจ้าท่าได้แน่
เมื่อรวมกับคนที่มีอยู่อย่าง ปูโตรส กับ ทิตาวีร์ อักษรศรี ก็น่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งได้พอสมควร ส่วนฟูลแบ็กฝั่งขวา-ซ้าย ศุภนันท์ บุรีรัตน์ และ เควิน ดีรมรัมย์ จองพื้นที่แน่นอน
ส่วนผู้รักษาประตู สมพร ยศ ก็สร้างความอุ่นใจให้แนวรับได้ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด นั่นเท่ากับว่าฤดูกาล 2023-24 การท่าเรือ จะมีแผงหลังที่ดีกว่าเดิมแน่ๆ
ขณะที่แผงมิดฟิลด์ การเข้ามาของ ชานุกูล เด็กหนุ่มจากจังหวัดเชียงราย ที่แจ้งเกิดกับ โปลิศ เทโร กระทั่งต่อยอดสู่ทีมชาติไทย นั้นคงต้องเบียดแย่งตำแหน่งกับคนอื่นๆ แบบสนุกแน่
ปัจจุบัน สิงห์เจ้าท่ามีทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชาริล ชัปปุยส์, วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ และ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ แถมหลายๆ ครั้ง ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ หรือ ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา ก็ขยับมายืนเป็นกองกลางได้
ไม่นับรวม เนเกบา ที่ยังไงก็น่าจะจองตัวจริงแน่ๆ แล้วคนหนึ่ง ดังนั้นหากเล่นในระบบมิดฟิลด์ 3 คน จะเหลือพื้นที่เพียง 2 ตำแหน่งเท่านั้น
ส่วนแดนบน หากนับเฉพาะผู้เล่นริมเส้น การท่าเรือ มักจะใช้ บดินทร์ ผาลา, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ และ ปฐมพล ที่สลับกันเล่นเสมอ โดยมี ณัฐวุฒิ อีกรายที่คอยสแตนด์บาย
เท่ากับว่าเหลือกองหน้าตัวเป้าเพียงหนึ่งเดียว ทว่าเวลานี้พวกเขาได้ ทาร์เดลี่ อดีตดาวซัลโว ไทยลีก 2020-21 เข้ามาเพิ่ม แถมของเดิมยังมี แฮมิลตอน โซอาเรส กับ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย อีกต่างหาก
ด้วยตัวผู้เล่นตั้งแต่แผงมิดฟิลด์ไปจนถึงกองหน้า ทำให้ยอดทีมแห่งย่านคลองเตย สามารถจัดแผนการเล่นได้หลากหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น 4-3-3, 3-5-2, 4-4-2, 4-2-3-1 หรืออะไรก็แล้วแต่ ตามสถานการณ์จะพาไป
แน่นอนว่าด้วยขุมกำลังขนาดนี้ ทุกทีมก็ต่างอิจฉา โชคทวี พรหมรัตน์ และ สุรพงษ์ คงเทพ 'โค้ชคู่' ของสิงห์เจ้าท่าที่มีทรัพยากรผู้เล่นระดับท็อปให้ใช้งาน
ในทางบวก มันเป็นเรื่องดีที่ทุกตำแหน่งมีการแย่งชิงกันเพื่อสอดแทรกที่จะลงสนาม แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง บางทีมันก็อาจจะเป็นการยากที่จะจัดตัวในแต่ละเกม ประมาณว่ารักพี่-เสียดายน้อง คนนั้นก็ฟอร์มเด่น คนนี้ก็ผลงานดี จะให้นั่งก็กระไรอยู่
คนเป็นโค้ชคงระทมกบาลไม่เบาเชียว
เท่านั้นไม่พอ หากนักเตะที่กำลังผลงานเติบโต ยกตัวอย่างคือ ธีรศักดิ์, ไวเดอร์สเฌอ และ ชาญนุกูล ได้รับโอกาสน้อยนิด มันก็อาจจะทำให้พัฒนาการด้านฝีเท้าของพวกเขาถูกชะลอลงไป
ฤดูกาล 2022-23 น่าจะเป็นซีซั่นที่มีการห้ำหั่นกันสนุกที่สุดในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังไทย เพราะแต่ละทีมต่างก็ปรารถนาที่จะล้มแชมป์เก่าอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้จงได้
การท่าเรือ เองก็รอคอยความสำเร็จ โดยเฉพาะแชมป์ลีกมาแสนนาน แม้จะได้อันดับ 3 ถึง 4 หน ในรอบ 6 ซีซี่น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการแน่
สิงห์เจ้าท่าจะไปได้ไกลเพียงใด อีก 3 เดือน ข้างหน้าคงจะได้รู้กัน
ชิกกะด้าว