เหลือการแข่งขัน ไทยลีก อีก 4 นัด นอกจากการทำอันดับของสโมสรต่างๆ ยังมีเรื่องของ 'ดาวซัลโว' ที่น่าลุ้นจริงๆ โดยเฉพาะการเชียร์ให้ ศุภชัย ใจเด็ด คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้มาครองให้ได้ เนื่องจากไม่มีคนไทย ทำได้เลย นับตั้งแต่ ธีรศิลป์ แดงดา เมื่อปี 2012 ว่าแล้ว 'SIAMSPORT' จึงขันอาสามาวิเคราะห์ถึงความเป็น/ไปได้ว่าใครมีโอกาสมากที่สุด!!
[ 1 ] ศุภชัย ใจเด็ด (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 16 ประตู
หัวหอกความหวังใหม่ของทีมชาติไทย ยังรักษามาตรฐานของตนเองได้อย่างต่อเนื่องจากฤดูกาลที่แล้วที่กดไป 14 ประตู ในลีก ก่อนจะได้รับบาดเจ็บ จนต้องพักในช่วงท้ายซีซั่น
ปีนี้ ศุภชัย กลับมาเก่งกว่าเก่ากับการกระหน่ำไปแล้ว 16 ลูก และเป็นผู้นำในชาร์ตดาวยิงของ ไทยลีก ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้เล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าตามถนัด
อย่างไรก็ตาม จากโปรแกรมที่เหลืออยู่ของ บุรีรัมย์ นั้นจะเจอกับทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น เชียงราย, การท่าเรือ และ ราชบุรี โดยที่จะเบาหน่อยตรงที่ นครราชสีมา แต่ก็อาจเป็นงานยาก หากทีมแมวพิฆาตยังต้องลุ้นหนีตกชั้นไปจนนัดสุดท้าย
แต่ถ้าศูนย์หน้าชาวปัตตานี ยังรัวกระสุนได้ต่อเนื่อง ซึ่งตัวเขาก็ยิงคู่แข่งอีก 4 นัด ที่เหลืออยู่ได้ทุกทีมในเลกแรก จึงน่าจะเพิ่มความมั่นใจให้ไม่น้อย ดังนั้นโอกาสที่เขาจะกลายเป็นคนไทย คนแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2012 ที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ไปครองนั้นมีสูงทีเดียว
โปรแกรมที่เหลืออยู่: เชียงราย ยูไนเต็ด (เยือน), การท่าเรือ เอฟซี (เหย้า), ราชบุรี เอฟซี (เยือน), นครราชสีมา เอฟซี (เหย้า)
โอกาส: 60 เปอร์เซ็นต์
[ 2 ] แฮมิลตอน โซอาเรส (การท่าเรือ เอฟซี) 15 ประตู
เจ้าของตำแหน่งดาวยิงสูงสุด ไทยลีก 2021-22 ที่ยังคงลงเป็นยิงในแทบทุกเกมที่มีส่วนร่วม ฤดูกาลนี้น่าเสียดายตรงที่เขามีช่วงติดโทษพักแข้ง มันจึงทำให้ขาดความต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อทีมเช่นกันที่ไม่ได้ใช้อาวุธอันทรงพลานุภาพ
มาตรฐานการเล่นของ โซอาเรส ยังอยู่ในระดับสูง เขาเป็นที่พึ่งพิงให้เพื่อนๆ ได้เสมอ ไม่ใช่แต่เพียงแต่เรื่องของการจบสกอร์ หากแต่การพักบอลเพื่อเปิดทางให้แนวรุกคนอื่นๆ สอดทะลุไปยิงก็มีให้เห็นเป็นประจำ
การตามหลัง ศุภชัย เพียงประตูเดียวนั้นน่าจะทำให้ศูนย์หน้าทีมชาติไทย พบกับความกดดันมากกว่า แต่โปรแกรมที่เหลืออยู่ของ การท่าเรือ นั้นคือการออกไปเยือนถึง 3 นัด ซึ่งจุดนี้แหละที่เขาเสียเปรียบคนอื่นๆ
เท่านั้นไม่พอ เกมหน้าที่สิงห์เจ้าท่าจะบุกไปเยือน นครราชสีมา - โซอาเรส ยังติดโทษแบนอีกต่างหาก เท่ากับว่าเขามีเพียง 3 นัด เท่านั้นที่จะลุ้นทำประตูเพื่อแซงไปเป็นผู้นำ
โปรแกรมที่เหลืออยู่: นครราชสีมา เอฟซี (เยือน), บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เยือน), ชลบุรี เอฟซี (เหย้า), ลำพูน วอร์ริเออร์ส (เยือน)
โอกาส: 50 เปอร์เซ็นต์
[ 3 ] ซามูเอล โรซา (ประจวบ เอฟซี) 14 ประตู
นักเตะผู้เป็นความหวังสูงสุดในการอยู่รอดของ ประจวบ กับการซัดไปแล้ว 14 ประตู และฟอร์ม 5 นัด หลังสุดก็ร้อนแรงกับการยิงได้ 4 ลูก
โรซา อาจจะไม่ได้มีตัวเปิดป้อนมากมายแบบทีมหัวตาราง แต่เขาสามารถหาพื้นที่ในเกมโต้กลับได้เก่งมากๆ อีกทั้งยังเป็นนักเตะที่ใช้โอกาสไม่เปลือง มันจึงส่งผลให้ ประจวบ อุ่นใจได้ก็ตรงนี้นี่เอง
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ทีมต่อพิฆาตยังไม่การันตีว่าจะได้ไปต่อใน ไทยลีก เนื่องจากมีแต้มห่างจากพื้นที่ตกชั้นแค่ 2 คะแนน เท่านั้น ซึ่งนั่นอาจจะทำให้อีก 4 เกม ที่เหลืออยู่ พวกเขาคงจะเน้นความรัดกุมไว้ก่อน และโอกาสการยิงก็คงจะลดลงไปตามธรรมชาติ
ทว่าถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจประมาท โรซา ได้เช่นกัน เนื่องจากเวลานี้เขาตามหลัง ศุภชัย ผู้นำดาวซัลโวเพียง 2 ประตู เท่านั้น และในโลกของฟุตบอล อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
โปรแกรมที่เหลืออยู่: ราชบุรี เอฟซี (เยือน), แบงค็อก ยูไนเต็ด (เหย้า), ลำปาง เอฟซี (เยือน), สุโขทัย เอฟซี (เหย้า)
โอกาส: 40 เปอร์เซ็นต์
[ 4 ] ดานิโล่ อัลเวส (ชลบุรี เอฟซี) 13 ประตู
ศูนย์หน้าผู้ขับเคี่ยวกับ ศุภชัย และ โซอาเรส มาตั้งแต่ต้นฤดูกาล แถมช่วงแรกๆ ยังนำเป็นดาวซัลโวมาโดยตลอดอีกต่างหาก แต่เพราะปัญหาบาดเจ็บ ทำให้ อัลเวส ขาดความต่อเนื่อง ก่อนจะค่อยๆ ดร็อปลงไปทีละนิด
ในบรรดากลุ่มผู้นำ เขาคือคนที่ได้ประตูมาจากการสังหารจุดโทษมากที่สุดด้วยจำนวน 4 ลูก แต่ 2 เกมหลังสุด หัวหอกชาวบราซิล หายหน้าไปจากทีม โดยไม่มีรายงานถึงเหตุผลที่ไม่มีชื่อกับ ชลบุรี
หากเขายังอยู่ในช่วงพักรักษาอาการบาดเจ็บ โอกาสที่จะกลับมาลั่นไกใส่สกอร์แซงคนอื่นคงเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าถูกดร็อปด้วยเหตุผลทางแท็กติก ตอนนี้ฉลามชลเปลี่ยนโค้ชมาเป็น อดุล หละโสะ บางทีอาจจะได้เวลาคัมแบ็กของดาวยิงหัวสกินเฮดก็เป็นได้
แต่เมื่อมองจากโปรแกรมที่เหลืออยู่ ถือเป็นงานที่ยากมากๆ เนื่องจากต้องเล่นนอกบ้านถึง 3 นัด โดย 2 เกมในนั้นคือการไปเยือน การท่าเรือ กับ บีจี ปทุม อีกต่างหาก ดังนั้นเมื่อสำรวจคู่แข่งของ ชลบุรี แล้ว คงต้องบอกว่า อัลเวส ลุ้นยากจริงๆ
โปรแกรมที่เหลืออยู่: ลำปาง เอฟซี เยือน), นครราชสีมา เอฟซี (เหย้า), การท่าเรือ เอฟซี เยือน), บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (เยือน)
โอกาส: 30 เปอร์เซ็นต์
[ 5 ] กลุ่ม 'ม้ามืด'
ณ ปัจจุบัน นอกเหนือจาก 4 คนข้างต้น ก็มีนักเตะที่ยิงได้แตะหลัก 10 ประตู อีกเพียง 4 คน คือ โกรัน เคาซิช กับ ลอนซาน่า ดูมบูญ่า จาก บุรีรัมย์, เฮแบร์ตี้ ของ แบงค็อก และ วิคตอร์ คาร์โดโซ่ เซนเตอร์ฮาล์ฟ เชียงราย เท่านั้น
ในรายของ เคาซิช นั้นน่าเสียดายที่เจ็บไปยาวเกือบ 2 เดือน จนทำให้พลาดโอกาสสะสมตัวเลขเพิ่มเติม ซึ่งพอกลับมา แนวรุกของปราสาทสายฟ้าก็แน่นเอี้ยด ทำให้เขายากที่จะสอดขึ้นไปพังสกอร์ได้เหมือนในช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่ ดูมบูญ่า อาจจะมาแรงในช่วงหลัง กับการกดไป 4 ประตู จาก 3 นัด หลังสุดจนค่อยๆ ไต่อันดับมาอยู่แนวหน้า แต่ก็คงไล่ไม่ทันกลุ่มผู้นำไม่ทัน นอกเสียจากว่าเพื่อนๆ จะปั้นจนซัดแฮตทริกได้สัก 2 จาก 4 เกม ที่เหลืออยู่
ส่วน เฮแบร์ตี้ อดีตดาวซัลโวสูงสุดซีซั่น 2014 นั้นยิงไม่ได้มาแล้ว 3 เกม แถมระยะหลังยังถูกคู่แข่งปิดตาย ดังนั้นโอกาสจะซัดได้เพิ่มจึงมีเพียงน้อยนิด
ปิดท้ายที่ คาร์โดโซ่ ปราการหลังจอมพังตาข่ายนั้นยากกว่าใครเพื่อน เนื่องจาก 10 ประตู ที่ทำได้ 7 ลูก มาจากจุดโทษ ซึ่งหนทางที่เขาจะแซงคนอื่นๆ แทบจะไม่มีเลย