ชั่วโมงนี้ เมืองทอง ยูไนเต็ด ของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ กำลังอยู่ในช่วงที่ท็อปฟอร์มสุดๆ และทำท่าจะหยุดไม่อยู่เสียด้วย
ชัยชนะเหนือ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ทำให้พวกเขาเก็บ 3 คะแนนเป็นนัดที่ 7 ติดต่อกันในลีก ซึ่งเป็นสถิติเทียบเท่าซีซั่น 2015 และก็ดีที่สุด นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา
เท่ากับว่า 8 ฤดูกาลแล้วที่กิเลนผยองไม่ได้ฟอร์มกระฉูดแตกเช่นนี้
ปัจจัยสำคัญที่ เมืองทอง ร้อนแรงนั่นคือการที่ระบบและรูปแบบการเล่นที่ ยูรอฟสกี้ พยายามมาโดยตลอดเริ่มออกดอกออกผล กับสไตล์การบิวต์อัพเกมจากแดนหลัง เคาะบอลไปมาเพื่อหาช่อง พอคู่แข่งเปิดพื้นที่ พวกเขาจะจู่โจมในทันที
กิเลนผยองเล่นด้วยแท็กติกแบบนี้มานานพอสมควร นับตั้งแต่แต่งตั้งเฮดโค้ชชาวมาซิโดเนีย ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่
ทว่าในช่วงเริ่มต้น นักเตะยังรู้สึกใหม่อยู่กับสิ่งที่ ยูรอฟสกี้ สั่งให้เล่น จนทำให้เกิดข้อผิดพลาดให้เห็นเป็นประจำ และแน่นอนว่ารูปแบบลักษณะนี้อาจจะดูสวยงามน่าชม แต่มันของทุกสิ่งบนโลกมีราคาต้องจ่าย ดังนั้นมันจึงแลกด้วยความเสี่ยงสูงที่จะเสียประตู
ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะก่อนหน้านั้นจะเห็นได้ว่า เมืองทอง ครองเกมได้เหนือกว่าฝั่งตรงข้ามแทบทุกนัด ทว่าผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามคาดหวัง เนื่องจากถูกคู่ต่อสู้ฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แล้วลงโทษในทันที
เมื่อเวลาผ่านไป แรงกดดันย่อมถาโถม และด้วยความที่เป็นสโมสรใหญ่ แถมไร้ถ้วยรางวัลมานานปี ทำให้ท้องฟ้าที่ ธันเดอร์โดม ค่อนข้างอึมครึม เมฆเทาทะมึนปกคลุมไปพร้อมๆ กับคำถามที่ว่าปรัชญาเกมบุกที่พยายามกันหนักพยายามกันหนาจะไปได้ไกลเพียงใด
ยูรอฟสกี้ เองก็ยังเคยเปรยๆ ผ่านโซเชียลมีเดียของตนเองว่าเวลาของเขากับ เมืองทอง กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ว่าเจ้าตัวน่าจะพิจารณาโบกมืออำลาสโมสร เพื่อรับผิดชอบผลงานที่ย่ำแย่
แต่บอร์ดบริหารของกิเลนผยองยังไว้ใจและเชื่อมั่นในแนวทางของกุนซือหนุ่ม พร้อมกับการดึง มิลอส โยซิช เทรนเนอร์ชาวเซอร์เบีย ซึ่งเป็นคนภาษาเดียวกัน เข้ามาปรับปรุงเกมรับให้แน่นขึ้น ภาพที่ปรากฏออกมาคือกลายเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะ
ฟอร์มการเล่นของ เมืองทอง ดุขึ้นเรื่อยๆ แถมยังเพิ่มเติมด้วยความละเอียดในเรื่องของแท็กติก
จริงๆ พวกเขาน่าจะสะสมสถิติชนะ 8 เกมรวดเลยด้วยซ้ำ หากไม่ไปพลาดท่าโดน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไล่ตีเสมอ 4-4 ทั้งๆ ที่นำอยู่ 4-1
นี่ขนาดว่าปราสาทสายฟ้าแข็งแกร่งทุกตำแหน่ง ผู้เล่นไทยก็ทีมชาติล้วนๆ ส่วนโควตานอก ก็คือเกรดพรีเมียมของลีก ยังเกือบเอาตัวไม่รอดเมื่อเผชิญหน้ากับ เมืองทอง ที่ไม่ได้มีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์
เหลืออีก 4 เกม ใน ไทยลีก - หากว่ากิเลนผยองยังรักษามาตรฐานระดับนี้เอาไว้ได้ ไม่ประมาทคู่แข่ง รับประกันได้เลย พวกเขามีโอกาสที่จะเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด
หนองบัว พิชญ เอฟซี, เชียงราย ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด โดยปิดท้ายซีซั่นกับ ราชบุรี เอฟซี คือบททดสอบต่อไปของ ยูรอฟสกี้ และลูกทีมว่าจะไปได้ไกลเพียงใด
ฤดูกาล 2022-23 อาจจะเป็นอีกซีซั่นที่ถ้วยรางวัลยังไม่โบยบินกลับสู่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ซึ่งถือเป็นปีที่ 8 เข้าไปแล้วที่ เมืองทอง ห่างหายจากความสำเร็จ
แต่ผลงานและฟอร์มการเล่นของกิเลนผยอง ณ ปัจจุบัน มันทำให้อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่าถ้ารักษามาตรฐานได้ต่อเนื่อง รวมทั้งแต่งเสริมเติมนักเตะในตำแหน่งที่ขาดหาย พวกเขาจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่คือได้หรือไม่
เพราะ 7-8 นัดที่ผ่านมา กับ 22 คะแนน ไม่ใช่ว่าได้มาเพราะจังหวะฟุตบอลหรือเล่นไม่ดี แต่ชนะ หากแต่มันเกิดจากการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง อดทนกับแนวทางที่ตัวเองตั้งใจด้วยความมุ่งมั่น กระทั่งผลของมันสะท้อนออกมาในสนาม
ยุคเปลี่ยนผ่านของ เมืองทอง ใกล้จะสุกงอมแล้ว อีกไม่นานเกินรอ รับประกันเลยว่าพวกเขาจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในเร็ววันนี้
กิเลน COMING SOON
ชิกกะด้าว